วันนี้ (24 มี.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากเมื่อวานนี้ สหภาพแรงงานฝรั่งเศสนัดประท้วงใหญ่ทั่วประเทศทำให้ประชาชนมากกว่า 3 ล้านคนทั่วประเทศ ออกมารวมตัวบนถนนเพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านนโยบายขยับเวลาเกษียณอายุ (จาก 62 ปีเป็น 64 ปี) ของรัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งนำโดยประธานาธิบดี “เอ็มมานูเอล มาครง”
โดยที่บริเวณ “ปลาส เดอ ลา บาสตีย์” (Place de la Bastille) ในกรุงปารีส เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ก๊าซน้ำตาเข้าปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมและมีรายงานว่า ผู้ประท้วง 33 คน ถูกจับกุม ขณะที่พบเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บกว่า 123 นาย นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม สวมหน้ากาก “แบล็ก บล็อก” (Black Bloc) ที่ฉวยโอกาสทำลายข้าวของในร้านค้าและเข้าปล้นร้านแมคโดนัล (McDonald) อีกด้วย รวมทั้งผลกระทบจากการหยุดงานประท้วงทำให้ระบบการขนส่งและโรงเรียนบางแห่งในปารีสต้องหยุดชะงัก โดยพบว่ามีรถไฟเพียง 2 สาย จาก 14 สายเท่านั้นที่ยังเปิดให้บริการอยู่
ขณะที่เมืองบอร์โดว์ (Bordeaux) เมื่อวานนี้ พบคนไม่ทราบกลุ่มจุดไฟเผาบริเวณหน้าประตูของศาลาว่าการกลางเมือง หลังจากเกิดการปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดทั้งวันมีการระดมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าระงับเหตุ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นฝีมือของใครและยังไม่มีผู้ออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้
โดยการประท้วงยังปะทุขึ้นที่เมืองอื่น ๆ ด้วย อาทิ มาร์เซย (Marseille) นองต์ (Nantes) ลียง (Lyon) เบอซองซง (Besancon) แรนซ์ (Rennes) และ รูออง (Rouen) ซึ่งพบหญิงคนหนึ่งบาดเจ็บจากการถูกระเบิดมือด้วย
ทั้งนี้ สหภาพแรงงานฝรั่งเศสประกาศนัดหยุดงานครั้งใหม่ในวันที่ 28 มีนาคม ซึ่งตรงกับวันที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ มีกำหนดการเสด็จเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ