สส.ภูมิใจไทย ขอบคุณศาลปกครอง เพิกถอนประกาศ กทม.กำหนดตั๋ว รฟฟ.สายสีเขียว 65 บาทตลอดสาย ด้าน ศาลปกครอง ชี้ ต้องทำตามมติ ครม. กำหนดค่าตั๋วร่วมกับกระทรวงคมนาคม
วันนี้ (12 เม.ย.66) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้สมัคร สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง กรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอน ประกาศ กรุงเทพมหานคร เรื่องกำหนดค่าโดยสาร โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว 65 บาทตลอดสาย ที่ สส.พรรคภูมิใจไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องว่า ขอขอบพระคุณศาลที่ให้ความเมตตากับประชาชน โดยเฉพาะคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า วันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้สังคมเห็นว่า พรรคภูมิใจไทย ต่อสู้มาไม่สูญเปล่า
“ในอดีตที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยของเราแม้จะไม่มีสส.ใน กทม. เลย แต่เรื่องใดก็ตามที่เป็นประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เราพยายามสู้อย่างเต็มที่ เพื่อนำประโยชน์สูงสุดมาให้กับประชาชนทุกคน ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้อยากให้ประชาชนใช้ดุลยพินิจ ในการตัดสินอนาคตของท่านด้วย”นายสิริพงศ์ กล่าว
นายสิริพงศ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ไม่ว่าจะเป็นคนจากที่ไหนมาใช้บริการ เขาก็มีสิทธิที่จะเรียกร้อง และสะท้อนได้ แม้จะเป็น สส.ศรีสะเกษ แต่ในความเป็นจริง คนศรีสะเกษมาอาศัยใน กทม.ก็เยอะ คนต่างจังหวัดอื่นๆ เขาก็ได้ใช้บริการสาธารณะต่างๆ มากมาย เป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็พูดได้ การมาทักท้วงของ สส.พรรคภูมิใจไทย ได้รับการร้องขอจากตัวแทนภาคประชาชน ให้ร้องขอให้เขาเป็นการกระทำที่บริสุทธิ์ ให้กับชาวบ้าน
ซึ่งคำวินิจฉัยในครั้งนี้ เป็นบรรทัดฐานให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอื่นๆ ทุกองค์กร ดูต่อไปว่า การจะขึ้นค่าโดยสาร โดยขัดต่อหลักกฎหมายไม่สามารถกระทำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้นายสิริพงษ์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และพวกรวม 6 คน ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร (กทม.) และ ผู้ว่าฯ กทม.เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 และ 2 ขอให้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนหรือยกเลิกประกาศ เรื่อง การกำหนดค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวลงวันที่ 15 ม.ค. 64 (กำหนดอัตราค่าโดยสารสูงสุด 104 บาท) และให้สั่งระงับการดำเนินการใดๆ ตามประกาศฯ คือ การปรับขึ้นค่าโดยสารไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุด
โดยศาลปกครองกลางพิพากษาเพิกถอนประกาศกทม.ในเรื่องดังกล่าว เรื่องจากเห็นว่า แม้ กทม.มีอำนาจกำหนดค่าโดยสาร แต่ต้องปฏิบัติตามมติ ครม.ที่ให้ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กำหนดอัตราที่เหมาะสมเป็นธรรม ไม่สร้างภาระให้ประชาชน ส่วนข้ออ้างเรื่องหนี้สินเป็นหน้าที่รัฐและ กทม.ต้องแก้ไขร่วมกัน
