โลกมุสลิมร่วมประณามหลังกลุ่มต่อต้านมุสลิมเผาคัมภีร์อัลกุรอานที่เดนมาร์ก

โลกมุสลิมร่วมประณามหลังกลุ่มต่อต้านมุสลิมเผาคัมภีร์อัลกุรอานที่เดนมาร์ก

View icon 100
วันที่ 25 ก.ค. 2566 | 11.05 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
โลกมุสลิมร่วมประณามหลังกลุ่มต่อต้านมุสลิมเผาคัมภีร์อัลกุรอานที่เดนมาร์ก โดยอ้างว่าทำไปเพราะเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ขณะที่ทางการเดนมาร์กเผยการกระทำนี้ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเดนมาร์ก

วันนี้ (25 ก.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้ประท้วงต่อต้านมุสลิมในเดนมาร์ก 2 คน ได้จุดไฟเผาคัมภีร์อัลกุรอานหน้าสถานทูตอิรักประจำกรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก เมื่อวานนี้ ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มต่อต้านมุสลิมในสวีเดน เผาคัมภีร์อัลกุรอานเพียง 1 เดือน ทำให้ล่าสุดประเทศมุสลิมต่าง ได้ออกมาร่วมประณามการกระทำดังกล่าว

โดยทางการอิรัก เเผยว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตเดนมาร์กประจำกรุงแบกเดด ได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศไป 2 วันแล้ว หลังจากมีกลุ่มผู้ประท้วงประมาณ 1,000 คน รวมตัวกันหน้าสถานทูต ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอิรักได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จากกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) รีบพิจารณาการกระทำของผู้ประท้วงต่อต้านมุสลิมในเดนมาร์ก ที่อ้างว่าทำไปเพราะเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

ขณะที่ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของแอลจีเรีย กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ได้เรียกตัวเอกอัคราชทูตเดนมาร์กและเอกอัคราชทูตสวีเดนประจำแอลจีเรียเข้าพบ เพื่อประณามการกระทำที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของตุรกี ได้ประณามการเผาคัมภีร์อัลกุรอานนี้ว่าเป็น “การโจมตีที่น่ารังเกียจ” พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางการเดนมาร์กรับผิดชอบ และหาทางป้องกันอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังนี้โดยเร็ว

ส่วนที่กรุงซานาของเยเมนเมื่อวานนี้ มีกลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนออกมารวมตัวกัน เพื่อต่อต้านการเผาคัมภีร์อัลกุรอานในเดนมาร์ก โดยผู้ประท้วงได้ชูคัมภีร์อัลกุรอานของตนเอง และร่วมกันเปล่งเสียงประณามอย่างกึกก้อง ขณะที่พบว่า ผู้ประท้วงบางคนนำมีดสั้น ปืนพก รวมไปถึง ปืนไรเฟิลมาร่วมประท้วงด้วย

ด้านรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของเดนมาร์ก เผยผ่านทวิตเตอร์ว่า ทางการเดนมาร์กได้ร่วมประณามกับเหตุที่เกิดขึ้น โดยเขาย้ำว่าการกระทำที่น่าละอายใจเช่นนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับรัฐบาลเดนมาร์ก รวมทั้งยังเรียกร้องให้กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านมุสลิมลดระดับการชุมนุม และไม่ใช้ความรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้นด้วย และจะไม่มีการถอนสถานทูตออกจากอิรัก