อัยการธนกฤต เปิดรายละเอียด 3 คดีของศาลฎีกาฯ มีคดีนับโทษต่อ รวมจำคุกทักษิณ 8 ปี
วันนี้ (22 ส.ค.66) นายธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อกฎหมายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในคดีของนายทักษิณ ชินวัตร ระบุว่า คดีที่นายทักษิณ ต้องรับโทษตอนนี้มีทั้งสิ้น 3 คดี 1. คดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบ็งค์ ตัดสินเป็นคดีแรกเมื่อ 23 เม.ย.2562 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 ปี 2.คดีหวยบนดิน ตัดสินเป็นคดีที่ 2 เมื่อ 6 มิ.ย. 2562 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2552 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่ได้ขอให้นับโทษต่อจากคดีเอ็กซิมแบงก์ และ 3. คดีแก้สัมปทานเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป ตัดสินเป็นคดีที่ 3 เมื่อ 30 ก.ค. 2563 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 5 ปี และให้นับโทษต่อจากคดีเอ็กซิมแบ็งค์ (คดีที่ 1) และหวยบนดิน (คดีที่ 2)
เนื่องจากคดีหวยบนดินไม่ได้มีการให้นับโทษต่อจากคดีเอ็กซิมแบ็งค์ คดีเอ็กซิมแบงก์กับคดีหวยบนดิน จึงจะนับโทษซ้อนกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 ที่บัญญัติให้โทษจำคุกเริ่มตั้งแต่วันมีคำพิพากษา ซึ่งวันที่นายทักษิณ กลับประเทศไทยวันนี้ ศาลจะออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด หรือหมายแดง ให้เริ่มนับโทษจำคุกในคดีเอ็กซิมแบ็งค์และหวยบนดิน ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. 2566 เป็นต้นไป พร้อมกันทั้ง 2 คดีเลย
ส่วนคดีชินคอร์ป ศาลฎีกาฯ จะออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด หรือ หมายแดง ให้เริ่มนับโทษจำคุก หลังจากที่รับโทษในคดีเอ็กซิมแบงก์และคดีหวยบนดินเสร็จสิ้นแล้ว รวมแล้ว จำคุก 3 คดี เป็นระยะเวลา 8 ปี ( 3 ปี (คดีที่ 1= 3 ปี , คดีที่ 2 = 2 ปี นับโทษซ้อนกัน ) +5 ปี) โดยคดีที่ 1 กับ 2 นับโทษซ้อนกัน ส่วนคดีที่ 3 รอนับต่อหลังจากรับโทษคดี 1 และ 2 เสร็จสิ้นแล้ว