วันนี้ (14 ก.ย.66) พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประชุมมอบแนวทางการการทำงานแก่บุคลากรในสังกัดกระทรวงฯ พร้อมเปิดตัวนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” โดยมีนโยบายลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วย ปรับวิธีการประเมินวิทยฐานะครูและบุคลากรทางการศึกษา ลดขั้นตอน มุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนถิ่น การแต่งตั้งโยกย้ายกลับภูมิลำเนาอย่างเป็นธรรมไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง ห้ามมีเรื่องทุจริตเกิดขึ้น ขอร้องว่าอย่ารีดเลือดจากครูด้วยกัน
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวด้วยว่า ตนมีนโยบายลดภาระครูด้วยการจัดหาอุปกรณ์สอนและสวัสดิการ (1 ครู 1 แท็บเล็ต) แก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ อยากให้นั่งรวมรถกันไปสอน ตนเข้าใจเรื่องความเป็นหน้าเป็นตา ครูไปช่วยงานต้องใส่ซอง 200 บาท ตำรวจไม่เป็นไร ใส่ซอง 20 บาทก็ได้ อยากให้เปลี่ยนค่านิยม อยู่อย่างพอเพียง ไม่มีเงินก็ไม่ต้องใส่ซอง ไปช่วยงานอย่างอื่นก็ได้ เช่น ไปช่วยเขาล้างจาน หลังจากนี้จะมีแนวทางแก้หนี้ครูอย่างเป็นระบบ
“สำหรับนักเรียน มีนโยบายลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง ให้สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา มีแพลตฟอร์มการเรียนรู้ โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย(1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พ่อของผมเป็นอดีตครูประชาบาล ผมเองก็ได้สนับสนุนการศึกษาในสถานศึกษาหลายที่อย่างต่อเนื่อง อยากฝาก “มอตโต เรียนดี มีความสุข” ผมเป็นตำรวจ อาจฝึกหนัก ตอนฝึกอาจทุกข์ที่ต้องวิ่ง ต้องฝึกวิชาทหาร แต่เมื่อฝึกเสร็จมีความสุข ร่างกายแข็งแรง ความสุขไม่ใช่สนุกวันนี้แล้วไปลำบากวันหน้า อยากให้ร่วมกันทั้งผู้บริหาร ครูผู้สอน ผู้ปกครอง” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวอีกว่า สำหรับการแบ่งงานภายในกระทรวง จะมีการหารือร่วมกับ รมช.ศธ. แม้ ศธ.จะเป็นกระทรวงใหญ่ แต่การมี รมช.ศธ.คนเดียวก็เพียงพอ เราสามารถบริหารจัดการร่วมกันได้ ดังนั้น จึงไม่กังวลแม้จะมีองค์กรครูหรือสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นข้าราชการตำรวจแต่เข้ามาบริหารการศึกษาจะทำได้หรือไม่ ซึ่งตนขอยึดสโลแกนของตำรวจเป็นขวัญกำลังใจคือ ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ภายใต้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เชื่อหากว่าเราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร เรื่องการแจกแท็บเล็ต เป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว และตอนนี้มาเป็นนโยบายของรัฐบาลและต้องดำเนินการให้สอดรับกัน
