ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เปิดนาทีสยบชายคลั่ง ถือกรรไกรอาละวาด แทงนักศึกษาสาหัส ที่หน้าวัดกลางเมืองอุดรธานี
เหตุการณ์ที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ใช้ไม้ง่ามเข้าระงับเหตุและชาร์จเข้าจับกุมชายคลั่งอาละวาด ใช้กรรไกรไล่แทงคนบาดเจ็บ หน้าประตูวัดศรีคูณเมือง ถนนประชาอุทิศ ชุมชนบ้านเหล่า เขตเทศบาลนครอุดรธานี
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุชายคลั่ง ทราบชื่อภายหลัง คือ นายอุทัย อายุ 27 ปี ใช้กรรไกรไล่แทงชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ เป็นชาย 1 ราย อายุ 17 ปี เป็นนักศึกษาชั้น ปวช.3 แผนกช่างยนต์ วิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกแทงบริเวณแผ่นหลังด้านซ้ายลึกถึงปอด อาการสาหัส เพื่อนที่ขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาล
ส่วนคนก่อเหตุ หลังจากแทงคนเสร็จ เดินถืออาวุธเข้าไปที่ศาลาพักศพวัดศรีคูณเมือง ที่มีศพมาตั้งบำเพ็ญกุศล ตำรวจพยายามเจรจาให้วางอาวุธ เป็นกรรไกรตัดกิ่งไม้ แต่ชายคลั่งไม่ฟัง ยังอาละวาดเอากรรไกรกรีดโต๊ะ เก้าอี้ และผลักพัดลมในศาลาจนล้ม
ตำรวจเห็นท่าไม่ดี กลัวสถานการณ์ยืดเยื้อ ตัดสินใจใช้ไม้ง่ามเข้าควบคุมตัวเอาไว้ได้พร้อมอาวุธ ขณะถูกคุมตัวไปขึ้นรถเพื่อไปดำเนินคดี ถูกชาวบ้านชกหน้าไป 1 หมัด เพราะไม่พอใจที่มาสร้างความวุ่นวายในชุมชน ตำรวจต้องรีบนำตัวขึ้นรถไปโรงพัก เพราะกลัวจะโดนหนักกว่านี้
นางรุ่งนภา ประธาน อสม.ชุมชนบ้านเหล่า ขายส้มตำอยู่หน้าวัด บอกว่า เห็นชายคนนี้เร่ร่อนมานอนอยู่ในวัดและในตลาดประมาณ 1 สัปดาห์ ชอบถือมีดมาขู่แม่ค้า เพื่อขอเงินและขอของกิน สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว
ก่อนเกิดเหตุ แอบมายืนอยู่ข้างร้าน จังหวะที่เดินมาเก็บผ้าบังแดดและบอกให้หลบ ชายคนนี้เงื้อกรรไกรจะแทง ทำให้ตนโมโห คว้ามีดอีโต้มาวิ่งไล่ฟันจนชายคลั่งวิ่งหนีเข้าไปในวัด
ชาวบ้านที่อยู่หน้าวัด เล่าว่า นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าบ้าน เห็นชายคนนี้เดินโวยวายออกมาจากวัด มายืนอยู่หน้าตลาดใกล้ร้านส้มตำ เป็นจังหวะเดียวกับนักศึกษาซึ่งเป็นลูกค้าประจำร้านส้มตำ ขี่รถจักรยานยนต์จะเลี้ยวเข้าซอย ถูกชายคลั่งแทงด้านหลัง ต้องรีบขี่รถหนีทั้งที่เลือดออกเต็มหลัง
ทีมข่าวได้คุยกับคนเจ็บทางโทรศัพท์ อาการล่าสุดขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ต้องดูอาการอีกระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าแผลที่ปอดไม่ติดเชื้อ
ผู้ก่อเหตุบอกว่า สาเหตุที่แทงชาวบ้าน เพราะระแวงจะถูกฆ่า และยังยอมรับว่าเสพยาบ้า แต่ไม่ได้หลอน
ตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง แจ้งข้อหา เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม คุมเข้าห้องคุมขังเพื่อดำเนินคดี
