ล่าคนร้ายซิ่งรถ จยย. สาดน้ำกรดใส่สาวหวังชิงทรัพย์

View icon 88
วันที่ 9 ก.พ. 2567 | 06.23 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - ล่าคนร้ายซิ่งจักรยานยนต์สาดน้ำกรดใส่ผู้ช่วยพยาบาลขณะขี่รถกลับบ้าน คาดหวังชิงทรัพย์

น.ส.วิภาวดี อายุ 43 ปี ผู้ช่วยพยาบาลห้องกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพิบูลย์รักษ์ อำเภอพิบูลรักษ์ จังหวัดอุดรธานี ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี หลังถูกคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบแล้วสาดน้ำกรดใส่ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ช่วง 21.00 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เหตุเกิดบนถนนสายบ้านแดง-บ้านดงยาง ห่างจากโรงพยาบาลที่ทำงานประมาณ 1 กิโลเมตร อาการของผู้บาดเจ็บมีแผลไหม้ทั่วร่างกาย และเนื้อเยื่อดวงตาทั้ง 2 ข้าง ถูกน้ำกรดทำลาย อาจถึงขั้นพิการตาบอดได้

หลังเกิดเหตุ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พิบูลย์รักษ์ ลงพื้นที่หาเบาะแสของผู้ก่อเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุ พบร่องรอยคราบน้ำกรดกัดพื้นผิวถนนเป็นวงกว้าง มีร่องรอยรถจักรยานยนต์ผู้บาดเจ็บตกลงข้างถนนฝั่งตรงข้าม และพบรองเท้าหนังสีน้ำตาลของผู้บาดเจ็บตกอยู่ 1 ข้าง แต่ไม่พบภาชนะที่ใช้ใส่น้ำกรดตกหล่นอยู่ในที่เกิดเหตุเลย คาดว่าคนร้ายนำกลับไปด้วย

ตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าปั๊มน้ำมัน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร พบผู้บาดเจ็บกำลังขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้ากลับบ้าน มีรถจักรยานยนต์คนร้ายขี่ตามมา ก่อนไปถึงจุดเกิดเหตุซึ่งมืดและไม่มีไฟส่องสว่าง ตำรวจจึงไล่ดูกล้องตัวอื่น ๆ เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย

นายคำพล อายุ 62 ปี พลเมืองดีที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ได้ยินเสียงรถชนกัน จึงวิ่งออกมาดู ต่อมาได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลืออยู่ในร่องข้างถนน และเห็นคนร้ายเป็นชายรูปร่างผอม ผิวดำแดง สวมเสื้อคลุมแบบมีฮูดคลุมศีรษะไว้ จอดรถจักรยานยนต์เดินลงไปหาผู้บาดเจ็บ แต่พอเห็นตนคนร้ายก็ขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป จากนั้นตนจึงให้ภรรยาโทรเรียกรถพยาบาลมารับผู้บาดเจ็บ

ด้าน จ.ส.อ.พัทธกร พันสาย อายุ 43 ปี สามีผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตนแต่งงานอยู่กินกับภรรยามาได้ 10 ปี และภรรยาเพิ่งคลอดลูกสาวได้ 3 เดือน และเพิ่งมาทำงานได้ 2 สัปดาห์ หลังจากลาคลอด โดยภรรยาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครมาก่อน ทั้งในที่ทำงานและข้างนอก ส่วนตนเองแม้จะเคยแยกทางกับภรรยาคนเก่า แต่เป็นการแยกทางจากกันด้วยดี สอบถามภรรยาแล้ว มั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการหวังชิงทรัพย์ของวัยรุ่นคึกคะนอง หรือไม่ก็พวกจิตเวช ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องชู้สาว

ส่วนตำรวจระบุว่า สาเหตุที่ตั้งประเด็นชิงทรัพย์ เนื่องจากก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บได้แวะกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หน้าโรงพยาบาล ก่อนขี่รถมุ่งหน้ากลับบ้าน ซึ่งคนร้ายอาจประสงค์ต่อทรัพย์ แต่เนื่องจากพลเมืองดีมาเห็นเหตุการณ์จึงขี่รถหนีไป อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนจะสอบปากคำผู้บาดเจ็บอีกครั้ง เพื่อหาเบาะแสในการติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป