สองตายายเก็บของเก่า ร่ำไห้ ถูกกล่าวหาว่าขโมย แหวนเพชร ที่คนรวยห่อทิชชูไว้ แล้วหลงเอามาทิ้งขยะ

สองตายายเก็บของเก่า ร่ำไห้ ถูกกล่าวหาว่าขโมย แหวนเพชร ที่คนรวยห่อทิชชูไว้ แล้วหลงเอามาทิ้งขยะ

View icon 1.2K
วันที่ 15 มี.ค. 2567 | 17.30 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สองตายายเก็บของเก่า ร่ำไห้ ถูกกล่าวหาว่าขโมย แหวนเพชร ที่คนรวยห่อทิชชูไว้ แล้วหลงเอามาทิ้งขยะ ขณะที่ ตำรวจ เผย ให้รอหมายเรียก แล้วบอกสองตายาย "ให้ไปปฏิเสธบนศาล"

จากกรณีเพจข่าวบ้านดุง อัปเดต ได้โพสต์ภาพสามีภรรยากับสามล้อเครื่อง พร้อมข้อความว่า “พ่อผมไม่ใช่ขโมย ชาวบ้านเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี  ส่งขอความช่วยเหลือมาหาทางบ้านดุงอัปเดท ว่าวันหนึ่ง พ่อกับแม่ไปคุ้ยขยะหาของเก่าอยู่หน้าบ้านคนรวย แล้วโดนแจ้งความจับว่า ขโมยแหวนเพชร เก็บแหวนเพชรได้แล้วไม่ยอมคืน เพราะว่าเจ้าของบ้านบอกว่า ลืมแหวนเพชรไว้ในถังขยะ พ่อแม่ก็ยอมให้ค้นและก็ไม่เจอ ไปแจ้งความดำเนินคดี พ่อแม่ผม ท่านทำอาชีพนี้มาเกือบ 20 ปี ไม่เคยขโมย ผมไม่อยากให้พ่อให้แม่ผมมาติดคุกตอนแก่ ทั้งที่ไม่ได้ขโมย ขอความเป็นธรรมร้องสื่อ ช่วยพ่อแม่ผมด้วย

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 15 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายพล ทองสีสุก หรือตาพล อายุ 68 ปี และนางวิรุณรัตน์ สารีบุตร  หรือยายหน่อง อายุ 58 ปี ชาวชุมชนผาสุก เขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งทั้งสองนอนอยู่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปเก็บของเก่าเหมือนทุกวัน และมีหน้าตาวิตกกังวล โดยนายพล เล่าว่า ตนทำอาชีพเก็บของเก่ามาตั้งแต่ปี 2546 หรือประมาณ 20 ปี หาเงินเลี้ยงครอบครัว มีตน ภรรยา และแม่ยาย อายุ 90 ปี ส่วนลูกชายทำงานเป็น รปภ. ตนและภรรยามีความรู้สึกกังวลใจ ที่ถูกกล่าวหาว่าขโมยแหวนเพชร ที่คนรวยหลงเอามาทิ้งขยะ แล้วตนมาเก็บของเก่าในขยะในวันเดียวกัน ทำให้เป็นผู้ต้องสงสัย

นายพล เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 7 มีนาคม ตนเองและภรรยาขับรถสามล้อเครื่องไปเก็บของเก่าในถังขยะตามเขตเทศบาลนครอุดรธานี พอไปถึงถังขยะตั้งอยู่บนทางเท้า พื้นที่ว่างเปล่า ริมถนนวัฒนานุวงศ์ ตรงกันข้ามร้านขายอุปกรณ์เกมส์คอมพิวเตอร์ ตนเองและภรรยาก็ค้นหาของเก่าตามปกติ โดยจะเน้นขวดพลาสติก และกระป๋องน้ำอัดลม เสร็จแล้วก็ขับรถสามล้อเก็บของเก่าไปเรื่อยๆ แล้วกลับมาแยกขยะเตรียมขายที่บ้าน

วันต่อมาวันที่ 8 มีนาคม ตนเองและภรรยาก็ขับสามล้อเครื่องไปเก็บของเก่าบริเวณถนนอุดลยเดช  ก็ได้มีผู้ชายเข้ามาถามว่าเมื่อวานได้ไปเก็บของเก่าที่ถังฝั่งตรงข้ามร้านขายอุปกรณ์เกมส์คอมพิวเตอร์หรือไม่ ถ้าได้ไปเก็บเห็นแหวนเพชร และต่างหู อยู่ในกระดาษทิชชูในถุงขยะหรือไม่ ซึ่งตนบอกว่าไม่เห็น จึงเชิญตนและภรรยาไปโรงพัก เพื่อให้ตำรวจสอบถาม ว่าเห็นแหวนเพชรหรือไม่ หากพบเห็นก็ให้เอาคืนเจ้าของ ซึ่งตนบอกว่าไม่เห็น หากตนเห็นก็จะคืนให้ เพราะตนไม่มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย สามารถตรวจสอบประวัติตนได้ เสร็จแล้วก็ปล่อยตัวกลับบ้าน วันที่ 10 มีนาคม ก็ได้เชิญตนและภรรยาไปโรงพักอีก ตนจึงชวนประธานชุมชนไปดูกล้องวงจรปิดด้วย จึงได้ดูกล้องวงจรปิด แต่ก็เห็นตนเก็บของเก่าโยนขึ้นรถเท่านั้น 

"ต่อมาจึงได้ทราบว่า เจ้าของร้านเกมส์ ถอดแหวนเพชร ต่างหู และฟันปลอมห่อด้วยกระดาษทิชชู วางไว้ในห้องน้ำ แต่สามีไม่รู้ว่าเป็นห่อแหวนเพชร นึกว่าขยะจึงหยิบใส่ถุงหูหิ้วพลาสติกนำไปทิ้งขยะเวลา 12.30 น. ซึ่งส่วนตนไปเก็บ 16.20 น. ตนและภรรยาก็ยังยืนยันว่าไม่เห็นแหวนเพชรและต่างหูแต่อย่างใด แต่เจ้าของร้านบอกว่าเสียความรู้สึก แล้วความรู้สึกพวกตนหล่ะ แม้จะเป็นคนจนก็เสียใจ อาจจะหลงลืมที่เก็บก็ได้ มีการไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ส่วนตำรวจบอกว่าจะออกหมายเรียก ให้ตนไปปฏิเสธบนศาลนะ ก็แสดงว่าพวกตนจะต้องถูกดำเนินคดี ทั้งที่พวกตนไม่ได้ขโมย หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ตนและภรรยาก็รู้สึกเสียใจ กังวลใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กลัวจะถูกดำเนินคดี ภรรยานอนร้องไห้ทุกคืนจนผอม"

ส่วนนางวิรุณรัตน์  หรือยายหน่อง ยกมือไหว้พร้อมกับพูดทั้งน้ำตาว่า ให้เลิกดูถูกพวกตนซึ่งเป็นคนจน  ตนได้ไปแสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว ขอร้องอย่าว่าพวกตนเอาแหวนเพชรไป  ตนไม่เห็นแหวนเพชรจริงๆ ตนไม่ได้ขโมย ตั้งแต่เกิดเรื่องมา 1 สัปดาห์ ก็รู้สึกไม่สบายใจ แม้ว่าจะอยากจนก็ไม่คิดจะเอาของคนอื่น

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ถังขยะที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นถังขยะสีน้ำเงิน 2 ถังตั้งเรียงกัน อยู่บนเท้าทางหน้าพื้นที่ว่างเปล่า อยู่ตรงข้ามกับร้านจำหน่ายอุปกรณ์เกมส์คอมพิวเตอร์ จึงได้เดินหากล้องวงจรปิด ปรากฎว่ามุมภาพกล้องวงจรปิดของเทศบาลนครอุดรธานี ส่งไม่ถึงมุมที่ตั้งถังขยะ แต่โชคดีมีกล้องหน้ารถยนต์ที่ขับเข้ามาจอดใกล้ถังขยะ ส่องเห็นนายพลกับภรรยามาเก็บของเก่าในถังขยะพอดี ทำให้ตำรวจทราบเบาะแส 

ส่วนญาติ ร้านจำหน่ายอุปกรณ์เกมส์คอมพิวเตอร์ เล่าทางโทรศัพท์ เล่าว่า แม่ถอดแหวนเพชร ต่างหู ห่อกระดาษทิชชูไว้ในห้องน้ำ พ่อนึกว่าเป็นกระดาษธรรมดา จึงได้หยิบเอาไปใส่ถุงขยะมัดปากถุงนำไปทิ้งถังขยะ แต่พอแม่นึกได้ จึงไปดูที่ถังขยะก็พบว่าถุงขยะถูกเปิดแล้ว กระดาษทิชชูถูกแกะออก  จึงมาเปิดวงจรปิดดูย้อนหลังตั้งแต่ 12.00-16.30 น. ก็เห็นตากับยายขี่สามล้อเครื่องมาเก็บของเก่าเท่านั้น ไม่มีคนอื่นอีกเลย จึงไปตามหาและเชิญตัวมาสอบถามที่โรงพัก ไม่ได้กล่าวหา แต่สืบตามกล้องแค่นั้นเอง ไม่พบหลักฐาน ไม่มีของกลาง จะไปแจ้งข้อหาใคร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง