พิธา เข้าป่าเชียงใหม่ ดับไฟ พร้อมฟังปัญหาทีมอาสาสมัครดับไฟป่าเชียงใหม่

พิธา เข้าป่าเชียงใหม่ ดับไฟ พร้อมฟังปัญหาทีมอาสาสมัครดับไฟป่าเชียงใหม่

View icon 99
วันที่ 16 มี.ค. 2567 | 12.30 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
พิธา เข้าป่าเชียงใหม่ ดับไฟ พร้อมฟังปัญหาทีมอาสาสมัครดับไฟป่าเชียงใหม่ พบปัญหาสำคัญยังขาดแคลนอุปกรณ์

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เข้าพื้นที่ฐานปฏิบัติการดับไฟป่าของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ร่วมกับอาสาดับไฟป่า มูลนิธิกระจกเงา ก่อนที่จะลงพื้นที่จริงที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้สอบถามเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ถึงจำนวนคนที่จะช่วยดับไฟป่า ได้รับรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่เหยี่ยวไฟ ประมาณ 300 คนที่ปฏิบัติการอยู่ แต่เจ้าหน้าที่ที่ประจำหน่วยป้องกันมีอยู่ประมาณ 10-12 คน ซึ่งแต่ละหน่วยมีจำนวนคนไม่เท่ากัน แบ่งเป็นอำเภอละประมาณ 10 คน ทำให้จำนวนคนไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ไฟไหม้ สะท้อนให้เห็นถึงการขาดแคลนแรงงานเหมือนกับพยาบาล

ด้านนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ตัวแทนดับไฟป่าของมูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า หน่วยของตนเองประจำอยู่ที่จังหวัดเชียงราย แต่ช่วงนี้ไม่มีสถานการณ์ไฟป่า จึงมาช่วยที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 50 คน ส่วนนายณัฐพล สิงห์เถื่อน หัวหน้าศูนย์อาสาสมัคร รับผิดชอบกรณีไฟป่า มูลนิธิกระจกเงา ได้เล่าถึงแผนงานปฏิบัติงานประจำวันว่า ใกล้ฐานที่ตั้งมีบริเวณไหนเกิดสถานการณ์ไฟป่าบ้าง หลังจากนั้นก็จะทำการบินโดรนเพื่อสำรวจ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการวัดจุดฮอตสปอตของจังหวัด โดยจะดูความเป็นจริงว่าทิศทางไฟจะไปทางใด

ทั้งนี้ จุดฮอตสปอตจะเกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 02:00 น.แต่เมื่อถึงช่วงเช้าไฟก็จะลุกลาม ดังนั้น จึงต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะจุดฮอตสปอตไม่ใช่ข้อมูลเรียวไทม์จึงจำเป็นต้องมีการบินโดรนสำรวจไฟลามไปถึงจุดไหนแล้ว ขณะเดียวกัน ฐานปฏิบัติการนี้ ต้องยอมรับว่ามีเครื่องบินโดรนน้อยมากในการสำรวจจุดกำเนิดไฟ และเมื่อทราบจุดไฟไหม้ที่ชัดเจนแล้วก็ จะแบ่งทีมไปจุดนั้น โดยจะใช้ภาพโดรนของมูลนิธิกระจกเงาประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้น

พร้อมเสนอว่า หน่วยงานรัฐยังขาดแคลนอุปกรณ์ เช่นโดรนบินสำรวจ ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ซื้อมาใช้เอง แต่ไม่ใช่โดนความร้อนใช้เพื่อดูแนวไฟซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐเห็นความจำเป็นของการใช้โดรนเพื่อดูแนวของไฟ เพื่อปฏิบัติภารกิจในการดับไฟป่า เป็นต้น ห้าปีที่ผ่านมาเราเป็นเหมือนทีมดับไฟแทนเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป้าหมายของเราคือเราจะศึกษาพฤติกรรมการดับไฟเทคโนโลยีการใช้เครื่องมือต่างๆ และเชื่อมโยงกับภาครัฐและสิ่งที่เราเห็นข้อจำกัดของภาครัฐมีเราอยากให้ภาครัฐใช้ในสิ่งที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม พบว่า การเกิดไฟป่าเกิดจากมนุษย์ และส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ของอุทยานและป่าไม้ ที่ไม่ใช่ในพื้นที่ทางการเกษตรอย่างที่รัฐบาลเข้าใจ

นายพิธา ได้กล่าวสรุปว่ามูลนิธิกระจกเงาต้องการที่จะใช้ความร่วมมือและเทคโนโลยี เพื่อที่จะเข้าใจพฤติกรรมไฟ ให้เข้าไปถึงให้เร็ว และได้รับรู้การใช้จำนวนคนที่จะเข้าไปช่วยดับไฟให้ได้มากที่สุด

จากนั้น นายพิธา พร้อมด้วยเหยี่ยวไฟและอาสาสมัครได้เดินทางไปดูสถานการณ์ไฟไหม้จริงที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ทันที โดยได้มีการเตรียมตัว ทั้งหมวก หน้ากาก อาหารพร้อมน้ำดื่มเข้าไปด้วย เพราะอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการเดินเข้าไปในพื้นที่ด้วย