พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงประกอบพิธีสมโภช "พระพุทธไตรรัตนนายก" ครบ 700 ปี ที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

View icon 527
วันที่ 1 เม.ย. 2567 | 20.04 น.
ข่าวในพระราชสำนัก
แชร์
เวลา 16.26 น. วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีสมโภช "พระพุทธไตรรัตนนายก" ครบ 700 ปี ณ วัดพนัญเชิงวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในการนี้ เสด็จขึ้นพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศบูชาพระพุทธปฏิมา พระประธานพระอุโบสถ เมื่อประธานสงฆ์ถวายศีล จบ เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระวิหารพระพุทธไตรรัตนนายก ทรงประกอบพิธีสมโภช "พระพุทธไตรรัตนนายก" ครบ 700 ปี ทรงชักสายสูตรห่มผ้าทรงสะพักอักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. และอักษรพระนามาภิไธย ส.ท "พระพุทธไตรรัตนนายก" ครบ 700 ปี ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดเทียนถวายเป็นพุทธบูชา แล้วทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธไตรรัตนนายก

วัดพนัญเชิงวรวิหาร ได้จัดพิธีสมโภช "พระพุทธไตรรัตนนายก" ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี โดยปีนี้ จัดขึ้นในโอกาสพระพุทธไตรรัตนนายก ครบ 700 ปี และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต เดิมชื่อ "พระเจ้าพแนงเชิง" เป็นพระพุทธรูปโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง เมี่อปีพุทธศักราช 1867 โดยเป็นพระพุทธรูปศิลปะอู่ทอง ปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตร องค์พระพุทธรูปสูงจากทับเกษตรถึงยอดพระรัศมี 19.30 เมตร ต่อมาปี 2394 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ บูรณะองค์พระพุทธรูปใหม่ทั้งองค์ และพระราชทานนามว่า "พระพุทธไตรรัตนนายก" นอกจากนี้ ยังเป็นที่เคารพนับถือในกลุ่มเชื้อสายจีน โดยเรียกกันว่าหลวงพ่อ "ซำปอกง" ด้วย

จากนั้น เสด็จออกจากพระวิหารฯ ไปยังพระอุโบสถ ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก แล้วพระราชทานของที่ระลึกแก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินสมทบทุนบูรณะพระอารามในการจัดงานสมโภช "พระพุทธไตรรัตนนายก" ครบ 700 ปี

วัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร สังกัดมหานิกาย ตามหนังสือพงศาวดาร กล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้ง สร้างขึ้นราวปี 1867 ก่อนพระเจ้าอู่ทอง ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา 26 ปี และพระราชทานนามว่า "วัดเจ้าพระนางเชิง" ภายในวัดฯ มีเสนาสนะและศาสนวัตถุที่สำคัญ อาทิ พระวิหาร ประดิษฐานพระพุทธไตรรัตนนายก ผนังทั้งสี่ด้านเจาะช่องเป็นซุ้มไว้พระพุทธรูปปางต่าง ๆ และพระพิมพ์ 84,000 องค์ เท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์, พระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ ประกอบด้วย องค์กลาง พระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยา องค์ซ้าย พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ทำจากทองสัมฤทธิ์มีสีทองอร่ามใส องค์ขวา พระพุทธรูปนาก พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ปัจจุบัน วัดพนัญเชิงวรวิหาร มีพระธรรมรัตนมงคล (แวว กตสาโร) เป็นเจ้าอาวาส และมีพระสงฆ์ สามเณร จำพรรษากว่า 70 รูป

ต่อจากนั้น ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธยบนแผ่นศิลาแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พระธรรมรัตนมงคล (แวว กตสาโร) เจ้าอาวาส ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย และถวายของที่ระลึก ประกอบด้วย พระพุทธไตรรัตนนายก ทองเหลือง ปิดทอง, เหรียญพระพุทธไตรรัตนนายก ทองคำ และหนังสือประวัติวัดพนัญเชิงวรวิหาร พระนครศรีอยุธยา

โอกาสนี้ เสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลพระนางสร้อยดอกหมาก ทรงวางพวงมาลัย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งสักการะพระนางสร้อยดอกหมาก ซึ่งคนไทยเชื้อสายจีนสร้างศาลฯ แห่งนี้ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงพระนางสร้อยดอกหมาก พระอัครมเหสีของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง

จากนั้น ทรงวางพวงมาลัย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งสักการะเทพเจ้ากวนอู ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาและทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนา โดยได้เสด็จพระราชดำเนินมายังวัดพนัญเชิงวรวิหารในโอกาสสำคัญต่าง ๆ โดยเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2518 ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปทรงนมัสการพระพุทธไตรรัตนนายก กับถวายปัจจัยสำหรับใช้บำรุงบูรณะวัด รวมทั้งถวายเวชภัณฑ์แด่พระสงฆ์ และเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2552 เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเชิญพระอุณาโลม ขึ้นประดิษฐานที่พระนลาฏ พระพุทธไตรรัตนนายก ด้วย