ทนายตั้มยื่นหนังสือถึงผู้นำฝ่ายค้าน สอบ “บิ๊กต่อ” โยงเส้นเงินส่วย

ทนายตั้มยื่นหนังสือถึงผู้นำฝ่ายค้าน สอบ “บิ๊กต่อ” โยงเส้นเงินส่วย

View icon 129
วันที่ 3 เม.ย. 2567 | 13.51 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ทนายตั้มบุกสภาฯ ยื่นหนังสือถึงผู้นำฝ่ายค้านตรวจสอบ “บิ๊กต่อ” ด้าน “ชัยธวัช” แขวะคนที่ต้องขอเอกสารควรเป็น นายกฯ หวังไม่มีมวยล้มต้มคนดู

วันนี้ (3 เม.ย.67) ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เดินทางมายื่นหนังสือกับนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบนายตำรวจ ยศพลตำรวจเอก และเป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และครอบครัว ที่มีเส้นเงินโยงไปเกี่ยวข้องกับบัญชีส่วย และเว็บไซต์พนันออนไลน์

นายชัยธวัช กล่าวขอบคุณทนายตั้ม ที่นำเอกสารข้อมูลสำคัญมาให้พรรคฝ่ายค้าน เมื่อมีเรื่องราวการกล่าวหาเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบ โดยเฉพาะเรื่องในวงการตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของส่วย เรื่องข้อมูลที่มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย ในฐานะฝ่ายค้านพร้อมให้ความสำคัญ ที่จะติดตามหาข้อมูล

“ความจริงแล้ว คนที่ควรมาขอข้อมูลทนายตั้ม ควรเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะนายกฯ ก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้แล้ว ก็ควรจะได้รับข้อมูลชุดดังกล่าว ในฐานะฝ่ายค้านก็คาดหวังว่า คณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีได้ตั้งขึ้น จะไม่เป็นกระบวนการมวยล้มต้มคนดู ไม่เป็นเพียงการแค่หย่าศึก ที่ทำให้เรื่องจบๆ เงียบๆ ไป” นายชัยธวัชกล่าว 

นายชัยธวัช ยืนยันว่า เรื่องส่วย โดยเฉพาะแวดวงตำรวจถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเมื่อไหร่ที่ไม่สามารถแก้ไขระบบส่วย รวมถึงระบบตั๋วในสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ พี่น้องตำรวจจะให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัย สวัสดิภาพของประชาชนเป็นอันดับแรก มากกว่าการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง โดยหลังจากนี้จะขอไปดูข้อมูลก่อนว่ามีอะไรบ้างที่จะสามารถดำเนินการต่อได้ ส่วนจะนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้การอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 หรือไม่นั้น ต้องขอดูรายละเอียดในเอกสารก่อน

ด้านทนายตั้ม กล่าวว่า  หลังได้ฟังผู้นำฝ่ายค้านพูด ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น เพราะเท่ากับตอนนี้ผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมือง เริ่มเห็นความสำคัญของเรื่องส่วย เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันแล้ว ในขณะที่นายกรัฐมนตรี พยายามเดินทางไปเชิญชวนนักลงทุนชาวต่างชาติ เข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ประเทศไทยยังพบกับปัญหาทุจริตคอรัปชัน เป็นจำนวนมากอยู่ ก็เกรงว่าต่างชาติจะไม่เชื่อมั่นประเทศไทย