วัยรุ่นเมืองย่าโมร้อง ถูกเก๋งสีบรอนซ์พุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน คาดเป็นคู่อริที่เคยมีปัญหากัน วอนตำรวจล่าตัวมาดำเนินคดีเพราะหลักฐานวงจรปิดชัดเจน
วันนี้ ( 29 เม.ย.67) กล้องวงจรปิด บันทึกภาพรถเก๋งสีบรอนซ์ ต้องสงสัยคันหนึ่ง และมีรถจักรยานยนต์ ประมาณ 2-3 คัน ขับขี่วนเวียนอยู่สี่แยกไฟแดงหินดาด ตำบลหินดาด อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนที่รถเก๋งจะเลี้ยวกลับรถที่แยกไฟแดง โดยมีรถจักรยานยนต์ขี่ย้อนศร กลับออกไปจากที่เกิดเหตุ จากนั้นพบว่ารถยนต์เก๋ง ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน ได้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ มีผู้ขี่รถจักรยานยนต์และผู้ซ้อนท้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา
สอบถาม 1 ใน ผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนเพื่อนมาด้วยกัน รวม 3 คน และมีเพื่อนขี่ตามมาด้วยอีก 1 คัน เพื่อจะไปหาเพื่อนอีกกลุ่ม ในพื้นที่ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง แต่ขากลับขณะขี่มาตามถนนสายพิมาย-หินดาด มีรถเก๋งคู่กรณี ขับตามมาด้านหลังแล้วพุ่งชนรถจักรยานยนต์ของตน และเพื่อน จนล้มลงไถลไปกับพื้นถนน ก่อนจะตกลงไปในร่องน้ำข้างถนน ทำให้ตนและเพื่อนที่นั่งซ้อนท้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้ง 3 คน
และหลังจากถูกชนแล้ว มีชายหนุ่มที่นั่งมากับรถเก๋ง ถืออาวุธมีดลงมาดู ทำให้ตนและเพื่อนๆ ต้องตะเกียกตะกายหนี พร้อมตะโกนขอความช่วยเหลือ จนชายที่ถือมีด รีบกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไป นอกจากนี้ มีกลุ่มรถจักรยานยนต์ขี่ตามมาสมทบเพิ่มอีก เพื่อค้นหารถจักรยานยนต์อีกคันที่เป็นเพื่อนกับตน ซึ่งเพื่อนที่ขี่มาด้วยกัน เห็นท่าไม่ดีขี่รถหนีออกไปก่อน หลังจากรถยนต์เก๋งคันก่อเหตุกับกลุ่มรถจักรยานยนต์ที่ขี่ตามมา ได้จอดรถพูดคุยกันสักพัก จึงขี่รถกลับออกไป จากนั้นเพื่อนของตนจึงได้ย้อนกลับมาช่วยเหลือ
เบื้องต้น คาดว่าอาจเป็นคู่อริที่เคยมีเรื่องกันมาก่อน เมื่อเห็นรถจักรยานยนต์ของพวกตนขี่อยู่ จึงขับรถตาม ก่อนจะฉวยโอกาสขับไล่ชน ซึ่งลักษณะการชนหมายเอาให้ถึงชีวิต แต่เมื่อเห็นพวกตนแน่นิ่งไป จึงไปไล่ตามเพื่อนอีกคันหวังจะทำร้าย แต่โชคดีที่เพื่อนไหวตัวหนีได้ทัน จึงไม่ได้รับอันตราย ซึ่งตนและเพื่อน ๆ ได้เข้าแจ้งความกับที่ตำรวจ สภ.ห้วยแถลง เอาไว้แล้ว และพนักงานสอบสวนรอให้ผู้บาดเจ็บแต่ละคนอาการดีขึ้นก่อน จึงจะเรียกสอบปากคำ ว่าผู้ก่อเหตุใช่กลุ่มคู่อริหรือไม่ เพื่อจะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่หลักฐานจากกล้องวงจรปิดเห็นภาพค่อนข้างชัดเจน น่าจะหาตัวผู้กระทำความผิดได้ไม่ยา
