เวลา 10.30 น. วันนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน ราชกัญญา เสด็จไปยังอาคารทรงงาน หน่วยม้าทรงประจำพระองค์กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ฯ ทรงเป็นประธานในพิธีบำเพ็ญพระกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาหน่วยม้าทรงประจำพระองค์ฯ ครบรอบปีที่ 24 ในการนี้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ถึงบทเสกน้ำพระพุทธมนต์ ทรงจุดเทียนที่ฝาครอบเฟืองทำน้ำพระพุทธมนต์ แล้วทรงประเคนแด่ประธานสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบ ทรงประเคนผ้าไตรถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก
หน่วยม้าทรงประจำพระองค์ฯ เป็นหน่วยเฉพาะกิจของกองทัพบก ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2543 ตามพระราชกระแสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการถวายงานด้านการทรงม้าแด่พระบรมวงศานุวงศ์ เริ่มแรกมีภารกิจในการถวายงานแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ต่อมาในปี 2555 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้โอนสายการบังคับบัญชาถวายงานด้านการทรงม้า แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยตรง
จากนั้น ประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่ง เสด็จไปยังอาคารคอกม้าทรงประจำพระองค์ฯ ทรงพระสุหร่ายม้าทรงประจำพระองค์ฯ พร้อมทรงให้อาหาร ซึ่งมีม้าทรงประจำพระองค์ที่ทรงใช้ร่วมการแข่งขันในระดับนานาชาติหลายรายการ อาทิ มหกรรมกีฬาซีเกมส์, มหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ และการแข่งขัน FEI Asian Championship Thailand 2019
หน่วยม้าทรงประจำพระองค์ฯ นอกจากจะถวายการฝึกสอนการทรงม้าแด่พระบรมวงศานุวงศ์ การฝึกม้าทรงประจำพระองค์ฯ แล้ว ยังฝึกสอนการขี่ม้าแก่กำลังพล รวมถึงการเลี้ยงดูปฏิบัติรักษาม้าทรงประจำพระองค์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมจิตอาสา บริการด้านสุขภาพการรักษาพยาบาลม้าและสัตว์อื่น ๆ และจัดการแข่งขันกีฬาขี่ม้ารายการ Princess‘s Cup Thailand เพื่อพัฒนาวงการกีฬาขี่ม้าของประเทศไทย ที่ผ่านมามีกำลังพลของหน่วยได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน
ปัจจุบันหน่วยม้าทรงประจำพระองค์ฯ ได้จัดตั้งศูนย์บริการสุขภาพและเวชศาสตร์ฟื้นฟูม้าตามพระดำริฯ เพื่อให้บริการด้านสุขภาพม้าที่มีประสิทธิภาพ เป็นประโยชน์แก่ม้า และวงการขี่ม้าในประเทศไทย โดยให้บริการกับม้าของหน่วยทหาร และยังเปิดให้บริการสำหรับม้าของเอกชนและประชาชน รวมทั้งเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แก่ผู้สนใจในศาสตร์และศิลปะการดูแลรักษาม้าต่อไปในอนาคต
