เปิดใจทั้งน้ำตา กลัวแต่ก็ต้องเปิดร้าน ยายถูกทวงหนี้โหดพังข้าวของในร้าน ตบด้วยโทรศัพท์มือถือ กระชากจนล้ม ถ่มน้ำลายใส่ รองผู้การนนท์ฯ เผยรู้ตัวคนก่อเหตุแล้ว คาดได้ตัวในเร็ว ๆ นี้
ความคืบหน้ากรณีแก๊งทวงหนี้โหด โดยนางสุพัตรา หรือยายสุข อายุ 75 ปี แม่ค้าขายข้าวไข่เจียว เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ ว่าถูกชายไม่ทราบชื่อ 2 คน เข้ามาทวงหนี้แล้วใช้โทรศัพท์มือถืบตบที่ใบหน้า กระชากเสื้อจนล้ม พังข้าวของในร้านและถ่มน้ำลายใส่
วันนี้ (8 พ.ค. 67) ยายสุขยังคงเปิดร้านขายข้าวไข่เจียวตามปกติ พร้อมเล่าให้ฟังทั้งน้ำตา ว่าแม้จะหวาดกลัวแก๊งทวงหนี้ แต่ไม่สามารถปิดร้านได้ เพราะต้องหาเงินเลี้ยงลูกชายที่พิการนอนติดเตียง และต้องทำงานหาเงินส่งดอกเบี้ยเงินกู้ให้เพียงพอ ถ้าเขาจะกลับมาทำร้ายอีกยายก็ทำใจ ยอมรับว่าที่ผ่านมากู้เงินนอกระบบ 10 กว่าเจ้า เจ้าหนี้หลายคนเห็นใจและสงสาร อะลุ่มอล่วยเสมอมา ให้ส่งวันละ 20-50 บาท วันไหนเราไม่มีเราก็บอกเขา มีเพียงเจ้าหนี้รายนี้ที่ส่งลูกน้องมาทำร้าย
ทางด้าน พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พ.ต.ท.กรณรงค์ ศุภนันทนานนท์ รอง ผกก.สส.สภ.บางใหญ่ พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันประชุมถึงความคืบหน้าของคดี ใช้เวลาประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้น พ.ต.อ.สมพล เปิดเผยว่า คดีนี้คนก่อเหตุทำร้ายได้แม้กระทั่งคนแก่ ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ สอบปากคำเจ้าทุกข์และพยานแวดล้อม จนคดีมีความคืบหน้าไปมาก รู้ตัวคนก่อเหตุแล้วอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี คาดว่าจะได้ตัวในเร็ววันนี้
ส่วนยายสุขนั้น ตำรวจชุดสืบสวนและงานป้องกันปราบปราม สภ.บางใหญ่ จะหมั่นตรวจตราดูแลให้ความคุ้มครอง เบื้องต้นได้พูดคุยและให้ข้อแนะนำ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการทำมาหากิน ยายสุขเองก็มีกำลังใจที่ดี และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับตำรวจ
สำหรับคดีทวงหนี้โหด เกิดจากยายสุขไปกู้เงินนอกระบบ 5,000 บาท ส่งดอกลอย กับคนชื่อก้อง ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย. 66 โดยจ่ายค่าดอกเบี้ยอย่างเดียววันละ 100 บาทไม่รวมเงินต้น และได้ส่งดอกทุกวันมาตลอดหลายเดือน กระทั่งรัฐบาลมีโครงการประนอมหนี้ ยายสุชจึงได้นัดเจ้าหนี้ไปที่ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอให้ยกเลิกดอกเบี้ยให้ และจะขอจ่ายเงินต้น เพราะที่ผ่านมา จ่ายดอกทุกวันรวม ๆ แล้วก็เกือบ 20,000 บาท แต่ทางเจ้าหนี้ไม่ยอมมาตกลงกัน จากนั้นยายสุขก็ไม่ได้ส่งดอกเบี้ยให้อีก จนเกิดเหตุทวงหนี้ทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น
