วันนี้ (18 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนทุเรียนของป้าโต เจ้าของสวนทุเรียนแห่งหนึ่ง ต.ตะกาง อ.เมือง จ.ตราด มีต้นทุเรียนกว่า 30 ต้น ใบร่วง ผลหล่น บางต้นเหลือแต่กิ่งก้าน และใกล้ยืนต้นตาย เพราะเหตุจากการนำน้ำกร่อยในคลองท่าเลื่อนมารดต้นทุเรียน และนำน้ำบาดาลที่มีสภาพกร่อยมาใช้ ซึ่งนายวินัย ขยันยิ่ง เกษตรจังหวัดตราดนำเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดตราด เดินทางมาตรวจสอบและให้คำแนะนำในการฟื้นฟูต้นทุเรียน
ซึ่งนายวินัย ได้เข้ามาตรวจสอบต้นทุเรียนที่ไม่มีใบและกำลังยืนต้นตาย แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า ตามกิ่งก้านสาขายังมีการแตกใบอ่อนขึ้นอยู่บ้าง แต่ในปลายกิ่งน่าจะตายแล้ว จึงแนะให้ตัดกิ่งทิ้งตั้งแต่ช่วงที่มีใบอ่อน
โดยนายวินัย กล่าวต่อว่า การดูแลต้นทุเรียนในระยะนี้เกษตรกรต้องเข้าในธรรมชาติ เพราะเมื่อเกิดปัญหานี้จะต้องระวังในเรื่องการดูและใกล้ชิด เพราะว่า เป็นช่วงที่ใบที่เริ่มออกมาเป็นใบอ่อนยิ่งต้องดูแลให้ใกล้ชิด เพราะจะช่วยให้ต้นไม่ตาย
พร้อมอย่าให้แมลงกินใบหรือเพลี้ยเข้ามาเกาะเพราะจะทำให้ใบหงิก และเหลือง จากนั้นตัดแต่งกิ่ง และไม่ให้ปุ๋ยทางรากแต่ให้ทางใบ พร้อมนำน้ำจืดมารดต้นทุเรียนแทน ซึ่งหากฟื้นฟูได้ดีผลจะออกใน1-2 ปี
ขณะที่ป้าโต กล่าวว่า ปลูกต้นทุเรียนมาหลายปี เมื่อปี 2-3 ปี ยังมีผลทุเรียนออกมาขายได้ เมื่อปีที่ผ่านมาขายได้ 30,000 - 40,000 บาท แต่มาปีนี้ตกใจที่ต้นทุเรียนใบร่วง และติดดอกน้อย แล้งผลก็ร่วง ซึ่งพบว่า น้ำที่นำมารดต้นทุเรียนจากคลองท่าเลื่อนมีสภาพเป็นน้ำกร่อย ทำให้ต้นทุเรียนได้รับผลกระทบใบร่วง ผลหล่น รายได้ที่เคยได้รับทุกปี ปีละ หลายหมื่นบาทหายไปทั้งหมด และบางต้นอาจจะตาย
โดยทางเกษตรจังหวัดมาแนะนำจึงเข้าใจและดีใจเพราะเราไม่มีความรู้ ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. 67 วันนี้ได้ความรู้และคำแนะนำแล้วจะดำเนินการปลูกทุเรียนต่อไป
