พายุทอร์นาโดที่มีความเร็วลมสูงถึง 217 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัดถล่มภูมิภาค เซาธ์เธิร์น เพลนส์ และ บริเวณที่ราบสูงโอซาร์ก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่รัฐเท็กซัส, รัฐอาร์คันซอ, รัฐโอคลาโฮามา และ รัฐเคนตักกี ของสหรัฐฯ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 18 คน โดยในจำนวนนี้มีเด็กอายุ 2 และ 5 ขวบ รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 100 คนแล้ว ขณะที่อิทธิพลของพายุ ทำให้บ้านเรือนและอาคารมากกว่า 200 หลัง กลายเป็นซากปรักหักพังเพียงชั่วข้ามคืน และทำให้ประชาชนราว 450,000 ครัวเรือน ใน 10 รัฐ ทั่วภูมิภาคไม่มีไฟฟ้าใช้
ไม่เพียงเท่านี้ ที่เมืองวัลเลย์ วิลล์ (Valley View) ในรัฐเท็กซัส เกิดพายุลูกเห็บขนาดเท่ากับลูกเบสบอล โดยบนทางหลวงสายหนึ่ง มีรถยนต์จำนวนมากพลิกคว่ำ และได้รับความเสียหายจากพายุ ขณะที่บางพื้นที่ประชาชนจำนวนมากต่างทิ้งรถของตนและแห่เข้าไปหลบภัยในปั้มน้ำมันจนกว่าทอร์นาโดจะสงบ
ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยาของสหรัฐฯ เผยว่าพายุทอร์นาโดลูกนี้เป็นหนึ่งในทอร์นาโดจำนวนมากที่พัดถล่มในภูมิภาคนี้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุจำนวนทอร์นาโดทั้งหมดที่คาดว่าจะพัดถล่มได้
ทั้งนี้ สหรัฐฯ กำลังเตรียมพร้อมรับมือฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติก (Atlantic hurricane season) ที่นักอุตุนิยมวิทยากังวลว่ามันจะ ผิดแปลก ไปจากปีก่อน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้
ส่วนที่อินเดียและบังกลาเทศกำลังเผชิญพายุไซโคลน รีมัล (Remal) ซึ่งเป็นไซโคลนลูกแรกของปีที่ได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ด้วยความเร็วลม 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทางการบังกลาเทศ ประกาศเตือนภัยพายุระดับสูงสุดบริเวณท่าเรือ 2 แห่ง และ ใน 9 เมืองติดชายฝั่ง นอกจากนี้ยังได้จัดที่พักชั่วคราวเกือบ 8,000 แห่ง พร้อมด้วยอาสาสมัครคอยดูแลประชาชนอีกราว 78,000 คน
ขณะที่ อินเดียพบผู้เสียชีวิต 1 คน ในรัฐเบงกอลตะวันตก จากอิทธิพลของไซโคลนรีมัล อีกทั้ง ที่เมืองโกลกาตา ยังได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินทั้งใน และระหว่างประเทศราว 50 เที่ยวด้วย
