ข่าวเย็นประเด็นร้อน - สาวใหญ่อดีตภรรยาชาวออสเตรเลีย ถูกชายฉกรรจ์ 2 คน แต่งกายคล้ายตำรวจ อ้างว่าเป็นตำรวจ มากับผู้หญิงอีก 1 คน อ้างว่าเป็นทนายความ บุกเข้าหาเธอที่ห้องพัก แล้วบอกว่าเธอถูกดำเนินคดีข้อหาชอบโกงชาวต่างชาติ จากนั้นบังคับให้เธอหาเงินให้ 100,000 บาท แลกกับการไม่จับติดคุก เธอกลัวติดคุก จึงรีบหาเงินให้ 50,000 บาท แต่เธอตั้งข้อสงสัยว่าตำรวจทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร มาขู่บังคับเธอเอาเงินแบบนี้ให้เจ้าหนี้ได้ด้วยหรอ
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา คุณปราลี แซมะละกอ อายุ 48 ปี ผู้เสียหาย ได้ พบผู้กำกับ สภ.เมืองพัทยา เพื่อแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มที่รีดเงินตน คุณปราลี เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปี 2564 ตนอยู่กินกับสามีชาวออสเตรเลีย ช่วงระหว่างที่อยู่ด้วยกันสามีตนเป็นฝ่ายดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เนื่องจากตนไม่ได้ทำงาน แต่เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้เลิกลากัน เพราะอดีตสามีมีผู้หญิงเยอะ ตนจึงรับไม่ได้
หลังจากเลิกกัน แต่อดีตสามีคนนี้ยังตามรังควานอยู่ตลอด ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 เวลา 20.00 น. ได้มีชายฉกรรจ์ 2 คน อ้างว่าเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษสอบสวนกลาง มาหาที่ห้องบอกว่าตนถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงชาวต่างชาติ ให้หาเงินมาให้ 100,000 บาท ในวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่หามาให้จะถูกจับจำนวนดำเนินคดีติดคุกทันที และจะยึดรถยนต์ด้วย
พอถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ชายสองคนดังกล่าวได้เดินทางมาอีกครั้ง มาพร้อมกับผู้หญิงอีก 1 คน อ้างว่าเป็นทนาย บุกมาที่ห้องตน มาข่มขู่ตนว่าให้จ่ายเงินมา 100,000 บาท ภายในวันนี้ ด้วยความที่ตนไม่รู้หนังสือและกลัวติดคุก จึงขอยืมเงินเพื่อนข้างห้องมา 30,000 บาท แต่กลุ่มคนดังกล่าวยังไม่พอใจ จึงบังคับเอาทองตนไปจำนำอีก ได้เงินมา 9000 บาท แต่ทางกลุ่มคนดังกล่าวก็ยังไม่ยอม บอกให้ตนเองหาเงินมาให้ได้ขั้นต่ำ 50,000 บาท ตนจึงไปกู้เงินจากเพื่อนมาอีก 11,000 บาท พอกลุ่มคนดังกล่าวได้เงินครบ 50,000 บาทแล้ว ได้พาตนเองไปที่โรงพัก และเรียกอดีตสามีชาวออสเตรเลียของตนมารับเงิน 50,000 บาทไป พร้อมกับถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน และลงบันทึกประจำวันว่า ตนได้นำเงินมาใช้หนี้ 50,000 บาท คงเหลืออีก 350,000 บาทที่ต้องชดใช้ จากนั้นได้ปล่อยตนกลับบ้านมา
หลังตนกลับมาบ้าน ได้มีคนแปลกหน้าเข้ามาวนเวียนอยู่หน้าห้อง ตนจึงกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย จึงหนีกลับอยู่บ้านที่จังหวัดนครนายก และได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับคนที่มีความรู้ด้านกฎหมายแถวบ้าน ตนจึงได้รู้ว่าตำรวจไม่สามารถปฏิบัติกับตนเองแบบนี้ได้ ตนเองจึงแปลกใจว่า คนที่มาเป็นตำรวจจริงหรือเปล่า และมาขู่บังคับตนเองแบบนี้ได้ด้วยหรือ คดีที่ตนเองถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงนั้น ตนเองได้ปฏิเสธไป ตนจึงโทรหาร้อยเวร สภ.เมืองพัทยา สาขาโค้งดงตาล ที่รับเรื่อง ตนถูกร้อยเวรตะคอกใส่ว่า "โทรมาทำไม ไม่รู้จักเวล่ำเวลา มันไม่ใช่เวลาทำการทำงานของผม เรื่องของคุณ คุณก็ไปจัดการเอง" ตนเกิดความน้อยใจ จึงนำเรื่องมาร้องสื่อ และให้สื่อพามาแจ้งความอีกครั้ง
คุณปราลี กล่าวเสริมอีกว่า อดีตสามีชาวออสเตรเลียได้นำรูปตนเองไปโพสต์ และระบุข้อความว่า "สวัสดีนางโสเภณีน้อย" ตนได้เอาโพสต์นี้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับยังไม่รับแจ้งความ ตนจึงคิดว่าตนไม่รับความเป็นธรรมในเรื่องนี้
จากการสอบถาม นางเชื้อ แตงกระโทก อายุ 60 ปี เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ฟังว่า วันเกิดเหตุเห็นผู้ชายแต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 คน และผู้หญิง 1 คน มายืนยืนอยู่หน้าห้องผู้เสียหาย ตนจึงเดินเข้าไปถามว่า "มาทำอะไรคะ" แต่กลับถูกไล่ให้ไปที่อื่น อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้ และได้หันไปพูดกับผู้เสียหายว่า "คุณไม่รอดแน่" ตนจึงเดินกลับมาที่บ้าน และขอยืนดูอยู่ห่าง ๆ
ทางด้าน พันตำรวจเอก นาวิน ธีรนันท์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองพัทยา หลังจากรับทราบเรื่องนี้ จึงขอเชิญตัว คุณปราลี แซมะละกอ ผู้เสียหาย ให้เข้ามาพูดคุย เล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดให้ทราบ เบื้องต้นได้ให้ชุดสืบสวน เข้าไปตรวจสอบตามกล้องวงจรปิดอย่างเร่งด่วน เพื่อระบุได้ชัดว่าบุคคลนั้นใช่ตำรวจจริง หรือ แอบอ้าง เพื่อจะได้ดำเนินคดีความตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นมั่นใจว่าไม่น่าใช่ตำรวจ เพราะหากว่าเป็นตำรวจจริงจะไม่ทำแบบนี้ พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทางผู้เสียหาย และคาดว่าจะพบตัวบุคคลที่แอบอ้าง 2 คนนี้ในเร็ว ๆ นี้
ล่าสุด อดีตสามีของ นางสาวปราลี ได้เดินทางมาที่ สภ. เมืองพัทยา และได้มีการเจรจากัน โดยมีผู้กำกับ สภ.เมืองพัทยา เป็นคนกลางให้ แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายคุยกันคนละอย่าง ทำให้ตกลงกันไม่ได้
ทางอดีตสามีชาวออสเตรเลีย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ตนต้องแจ้งกับฝ่ายหญิง เพราะตนจับได้ว่าฝ่ายหญิงมีสามีเป็นหนุ่มชาวเดนมาร์กอยู่แล้ว แต่แอบมาคบกับตนเองอีกเพื่อหวังเงินตน ตนไม่เคยสั่งคนติดตามฝ่ายหญิง แต่ที่ทราบความเคลื่อนไหวของฝ่ายหญิงคือ แท็บเล็ต ที่ตนซื้อให้ฝ่ายหญิงนั้นมี GPS อยู่ ตนก็รู้รหัสทุกอย่าง ทำให้ทราบการเคลื่อนไหว ร่วมถึงทำให้ทราบว่าฝ่ายหญิงมีสามีชาวเดนมาร์กก่อนอยู่แล้ว ส่วนเรื่องผู้ชาย 2 คน ที่แอบอ้างว่าเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษสอบสวนกลาง ตนยืนยันว่าไม่รู้จัก และไม่รู้เรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น