ผบ.ตร. สั่งไล่ออกราชการ 4 ตำรวจ ตม. อุ้มรีดทรัพย์ล่ามสาว

View icon 162
วันที่ 22 มี.ค. 2566 | 06.17 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - บิ๊กโจ๊ก เผย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งดำเนินคดีเด็ดขาดกับตำรวจ ตม. ทั้ง 4 นาย หลังมีเอี่ยวร่วมกันอุ้มคนจีนรีดไถเงิน 10 ล้านบาท ด้าน ต้นสังกัดสั่งให้ออกจากราชการไว้แล้ว

ความคืบหน้ากรณีล่ามสาว และชาวจีน ถูกแก๊งตำรวจ ตม. บุกอุ้มไปรีดทรัพย์ โดยมีการโอนเงินจากประเทศจีนให้แก๊งตำรวจกว่า 10 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ต่อมา ล่ามสาวได้เดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ดินแดง เพราะชาวจีนได้บินกลับบ้าน กลัวว่าจะเกิดอันตรายกับตัวเอง และเป็นบุคคลที่หลบหนีแอบเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เมื่อเรื่องไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงมีคำสั่งโดยตรงให้ตำรวจทั้ง 4 นาย ออกจากราชการทันที ส่วนคดีอาญาให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทุกขั้นตอนไม่มีการละเว้น

โดย พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พบมีตำรวจระดับสารวัตรสืบสวน บก.ตม.1 รวม 2 นาย ชั้นประทวน 2 นาย และมีคนชี้เป้าซึ่งเป็นคนไทยร่วมขบวนการด้วย ซึ่งคดีนี้ตำรวจพบหลักฐานความผิดชัดเจน โดยมีการโอนเงินจากประเทศจีนให้กับตำรวจ ซึ่ง ผบ.ตร. สั่งการให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทุกนายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากถือเป็นความผิดที่ร้ายแรง เสื่อมเสียชื่อเสียงวงการตำรวจ รวมถึงผู้บังคับบัญชาในระดับผู้บังคับการและผู้กำกับการของตำรวจ ตม. ที่กระทำความผิด จะต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบกับกรณีที่เกิดขึ้น ตามคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ต่อมา เวลา 22.22 น. ที่ สน.ดินแดง พลตำรวจตรี อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับตำรวจทั้ง 4 นาย

จากนั้น เวลา 23.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ต้นสังกัดของตำรวจทั้ง 4 นาย ได้นำตัวผู้ต้องหาเข้ามาที่ สน.ดินแดง เพียง 3 คน คือ พันตำรวจตรี สรวิศ อินทร์ลับ, ร้อยตำรวจโท สุริยะ รุกขชาติ, ดาบตำรวจ พีระศักดิ์ ยิ้มไพบูลย์ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียด ก่อนพิจารณาส่งฟ้องฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในวันนี้

ทั้งนี้ ในระหว่างนำตัวเข้าห้องสอบสวน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามในประเด็นต่าง ๆ แต่ผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง ใช้ศอกกันตัวผู้สื่อข่าว พร้อมใช้ตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายนายบังกล้องของนักข่าว เพื่อไม่ให้ถ่ายภาพของผู้ต้องหาระหว่างนำเข้าห้องสอบสวนได้

พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้น ต้นสังกัดของตำรวจที่ถูกออกหมายจับสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ 3 นาย ส่วนอีก 1 นาย คือ พันตำรวจตรี จิรภัทร บุญนำ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 หลบหนีไปได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าตัวของผู้ต้องหารายดังกล่าวหลบหนีอยู่ที่ใด แต่เชื่อว่าน่าจะเข้ามามอบตัวในเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและชุดสืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อมูลของผู้ต้องหาทั้ง 4 นาย ย้อนกลับไปว่าเคยมีการร้องเรียนหรือพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าวด้วยหรือไม่ เพราะเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งหมดน่าจะไม่ได้ก่อเหตุลักษณะนี้เป็นครั้งแรก และจะมีการขยายผลไปถึงคนไทยอีก 1 คน ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อเหตุ และจะมีการออกหมายจับในล็อตต่อไป

ส่วนการดำเนินการทางวินัย ขณะนี้ทราบว่า ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ดำเนินการออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องดังกล่าว และให้ตำรวจทั้ง 4 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน โดยยืนยันว่า คดีดังกล่าวจะดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถึงที่สุด แม้ว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตาม

นอกจากนี้ ยังให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เสียหายและผู้ต้องหา ว่ามีการส่งต่อเงินไปยังบุคคลใด ทั้งเงินสกุลปกติและเงินสกุลดิจิทัล เชื่อว่าจะหาพยานหลักฐานมาใช้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกคนได้

ทั้งนี้ มีรายงานว่า หลังจากผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ถูกควบคุมตัวมาสอบสวน ทุกคนปฏิเสธให้การในชั้นสอบสวน และร้องขอทนายตามสิทธิ แต่ชุดสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจน ทั้งคำให้การของผู้เสียหายทุกคน และเส้นทางการเงินต่าง ๆ

แม้ผู้เสียหายจะออกนอกประเทศไปแล้ว ก็ยังต้องสืบสวนต่อว่า ชายคนนี้มีความผิดอะไรหรือไม่ ถึงทำให้เป็นช่องว่างให้เจ้าหน้าที่อาศัยเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งที่ผ่านมาคนจีนที่ถูกรีดไถและยอมจ่ายเงินมากขนาดนี้ก็มีไม่กี่อย่าง เช่น การอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย หรือสวมบัตรประชาชนคนไทย

ส่วนกรณีการขยายผลแก๊งอุ้มชาวจีนที่เกิดบ่อยครั้งในช่วงสัปดาห์นี้ ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ สน.ทองหล่อ สภ.หนองปรือ จังหวัดชลบุรี และล่าสุดที่ สน.ดินแดง จากการสืบสวนพบว่า ผู้ก่อเหตุไม่มีความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกัน ส่วนชาวจีนที่ถูกอุ้มจะต้องมาสืบสวนขยายผลว่าได้ทำธุรกิจ หรือกระทำผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง