รวบคู่หูแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผันตัวเป็นเอเยนต์ขายซิมม้า-บัญชีม้า

รวบคู่หูแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผันตัวเป็นเอเยนต์ขายซิมม้า-บัญชีม้า

View icon 105
วันที่ 16 มิ.ย. 2567 | 15.13 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สืบนครบาล รวบคู่หูแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมของกลาง สารภาพหนีจากประเทศเพื่อนบ้าน ผันตัวเป็นเอเยนต์ขายซิมม้า-บัญชีม้า

วันนี้ (16 มิ.ย.67) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ทศรัสมิ์ กิติธารา สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ , ร.ต.อ.ธนพล มโนษร , ร.ต.อ.ปฏิภาน ไกรลาศฉิมพลี รองสว.กก.วิเคราะห์ข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ สืบนครบาล ร่วมกันจับกุม น.ส.กฤษณา อายุ 25 ปี และ น.ส.นภัสสร อายุ 28 ปี พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่ ซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ลงทะเบียนพร้อมใช้งาน 10 ซิม, ซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยังไม่มีการลงทะเบียน 490 ซิม, สมุดบัญชีธนาคารพร้อมบัตรเอทีเอ็ม และซิมซึ่งลงทะเบียนผูกบัญชี เปิดบัญชีโดยบุคคลอื่น 2 ชุด, โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ถนนสาธารณะ ซอยอรรถกระวี แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร

การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้สืบทราบว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายซิมโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนแล้วโดยบุคคลอื่น และบัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 จึงให้สายลับติดต่อล่อซื้อผ่านข้อความแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก โดยได้ตกลงต่อรองซื้อขายซิมโทรศัพท์เคลื่อนที่ลงทะเบียนพร้อมใช้งาน จำนวน 500 ซิม ในราคา 55,000 บาท และสมุดบัญชี พร้อมบัตรเอทีเอ็ม และซิมซึ่งผูกบัญชี 2 บัญชี ในราคา 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 75,000 บาท  พร้อมนัดหมายในวันที่ 15 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 22.00 น. บริเวณหลังห้างสรรพสินค้า ย่านคลองเตย

เมื่อถึงเวลาปรากฏว่า ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวไม่มาตามนัด และแจ้งว่าโทรศัพท์แบตจะหมดให้ติดต่อกันผ่านข้อความแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก จนต่อมาในวันที่ 16 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 01.45 น. ผู้ต้องหาได้แจ้งว่ากำลังจะมาถึงและสอบถามว่าให้ไปที่จุดไหน จึงได้แจ้งว่าเป็นหน้าร้านซอยอรรถกระวี จากนั้นก็มีรถยนต์สีดำขับขี่มาจอดบริเวณที่นัดหมาย โดยผู้ต้องหาที่ 1 ถือกล่องลังกระดาษมาพบกับสายลับ สายลับจึงเปิดกล่องตรวจสอบพบว่าภายในกล่องดังกล่าวมีซิมจำนวน 500 ซิม และสมุดบัญชีพร้อมบัตรเอทีเอ็ม และซิมซึ่งผูกกับบัญชีดังกล่าว จำนวน 2 ชุด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมซึ่งเฝ้าจุดสังเกตการณ์อยู่ จึงได้เข้าไปแสดงตัวต่อผู้ต้องหาที่ 1 และเรียกผู้ต้องหาที่ 2 ลงมาจากรถ แจ้งว่าทั้งสองจะต้องถูกจับกุม โดยผู้ต้องหาทั้งสอง ยอมรับว่าซิมทั้งหมด และสมุดบัญชีธนาคารพร้อมบัตรเอทีเอ็ม และซิมซึ่งลงทะเบียนผูกบัญชี จำนวน 2 ชุด ดังกล่าวทั้งหมดเป็นของตนเองจริง กำลังจะนำมาให้กับผู้ติดต่อซื้อ

ทั้งนี้ ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง ได้ทราบถึงพฤติการณ์ ข้อเท็จจริง สิทธิและข้อกล่าวหา ตามที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งให้ทราบดีโดยตลอดแล้วและได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากการสอบถาม ทราบว่า ทั้งคู่เคยไปทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ อยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไปอยู่มา 2 ปี แล้วหนีกลับมา ผันตัวมาขายซิมโทรศัพท์ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ตามผู้ต้องหาที่ 1 ไปภายหลัง แต่อยู่ได้ไม่ถึงเดือน ไม่โอเค จึงได้กลับมา

ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กล่าวหาว่า ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ และ ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขาย ให้เช่า ให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ จากนั้นได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ พร้อมของกลาง  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวเตือนภัยมิจฉาชีพหลอกลวงให้เปิดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) และเปิดซิมโทรศัพท์มือถือ เพื่อไปใช้ในการกระทำผิด แลกกับค่าจ้างเพียงไม่กี่บาท ซึ่งคนร้ายจะนำซิมการ์ดที่ได้ ไปใช้ในการกระทำความผิดหลอกลวงเหยื่อ โดยตามกฎหมาย ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก (คนเปิดบัญชีม้า) บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์ (คนเปิดซิมม้า) สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ