สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - เจ้าหน้าที่กู้ซากเครื่องบินเล็กที่ประสบอุบัติเหตุในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา พบร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 9 คน กว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ยังไม่พบเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการนำไปตรวจสอบหาสาเหตุ
เป็นภาพขณะเครื่องบินเล็กตกลงในพื้นที่ป่าชายเลน หลังวัดเขาดิน อำเภอบางปะกง ในจังหวัดฉะเชิงเทรา เวลา 14.56.07 น. วันที่ 22 สิงหาคม หลังจากนั้นประมาณ 3 วินาที ก็มีเสียงระเบิด
ทั้งที่เครื่องบินเพิ่งออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ได้ประมาณ 10 นาที มุ่งหน้าปลายทางไปสนามบินเกาะไม้ซี้ อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด
ภารกิจการในการกู้ซากเครื่องบิน วานนี้ (22 ส.ค.) เริ่มตั้งแต่เช้า และได้ยุติเวลา 15.00 น. เนื่องจากมือตักแบกโฮขุดและตักดินลึกได้แค่ 10 เมตร แต่ซากเครื่องบินจมลึกมากกว่านั้น การกู้ซากเครื่องบินคืบหน้าไป 60 เปอร์เซ็นต์
ยังไม่พบเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการตรวจพิสูจน์หาสาเหตุที่เครื่องบินตก เช้าวันนี้ (24 ส.ค.) บริษัทเจ้าของเครื่องบิน นำเครื่องจักรหนัก รถแบ็กโฮ ที่มีมือตักยาวกว่าเดิมเข้ามาค้นหาอีกครั้ง
ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 9 คน เป็นนักท่องเที่ยวจีน 5 คน คนไทย 2 คน และนักบิน 2 คน คือ นายพรศักดิ์ อายุ 30 ปี และ ร้อยเอก อนุชา อายุ 61 ปี ค้นหาจนพบชิ้นส่วนแขนและขา ร่างกายมนุษย์ 80 เปอร์เซ็นต์
เจ้าหน้าที่ได้ส่งไปพิสูจน์อัตลักษณ์ เทียบดีเอ็นเอกับญาติที่โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนจะส่งมอบให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา
กรมการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า เครื่องบินลำนี้อายุการใช้งานมากถึง 17 ปี แต่ได้รับการตรวจสภาพตามรอบอย่างครบถ้วนทุกครั้ง นักบินได้รับใบอนุญาตถูกต้อง
ส่วนสาเหตุที่เครื่องบินตก เจ้าหน้าที่ของการบินพลเรือ และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุอากาศยาน สังกัดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะต้องเก็บรายละเอียดตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน
เครื่องบินลำนี้ไม่มีกล่องดำบันทึกข้อมูลการบิน ใช้การติดต่อสื่อสารโดยตรงกับหอบังคับการบินผ่านทางคลื่นความถี่วิทยุเท่านั้น มีการทำประกันไว้ ทางบริษัทประกันรับทราบ และพร้อมชดใช้ค่าเสียหาย
