พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ดังนี้

เวลา 15.33 น. วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการสำนักงานศาลยุติธรรม ในการนี้ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมแผ่นอิฐ ทอง นาก เงิน แผ่นศิลาฤกษ์ แล้วทรงวางลงในหลุม จากนั้น ทรงเปิดแพรคลุมป้ายอาคารที่ทำการสำนักงานศาลยุติธรรม ความสูง 26 ชั้น มีความกว้างขวาง สง่างาม ผสมผสานองค์ประกอบภูมิสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย แสดงถึงการดำรงอยู่ขององค์กร ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ทั้งนำรูปแบบของ "ดอกบัวไทย" สื่อถึงความบริสุทธิ์มาประยุกต์ใช้ในแกนของอาคาร แสดงถึงการคุ้มครองความบริสุทธิ์ยุติธรรมอันเป็นภารกิจสำคัญของศาลยุติธรรม ด้านหน้าอาคารมีแนวเสาขนาดใหญ่ประดับเรียงกันเหมือนอาคารศาลทั่วไป อันเป็นรูปแบบการเชื่อมโยงกับอาคารศาลหลังอื่น บริเวณข้างเคียงกัน ตรงจุดเชื่อมการสัญจรชั้นล่างกับชั้น 1 ได้ออกแบบผนังประดับป้ายชื่ออาคาร ซึ่งเป็นลักษณะอาคารในยุคสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พื้นที่ภายในอาคารชั้น 1 มีส่วนที่เป็นลานกว้าง เพื่อรองรับผู้ที่มาติดต่อราชการ และใช้สอยอาคาร การออกแบบยังคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน เลือกใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถหาทดแทนได้ในอนาคต

โอกาสนี้ พระราชทานเข็มที่ระลึกแก่ผู้มีอุปการคุณ จำนวน 120 คน สำนักงานศาลยุติธรรมเป็นส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานอิสระ มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของศาลยุติธรรม เมื่อศาลได้แยกออกจากกระทรวงยุติธรรม ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แล้วพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พุทธศักราช 2543 มีผลบังคับใช้ จึงได้ก่อตั้งสำนักงานศาลยุติธรรมและเริ่มปฏิบัติภารกิจ ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2543 มีภารกิจสำคัญคือ รับผิดชอบงานด้านธุรการของศาลยุติธรรม ส่งเสริมงานตุลาการ และงานวิชาการ เพื่อเสริมสร้างให้การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรมทั่วประเทศเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว เท่าเทียม เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ แต่เดิมสำนักงานศาลยุติธรรมใช้อาคารร่วมกับอาคารที่ทำการศาลอาญา และวันที่ 11 มกราคม 2567 ได้ย้ายที่ทำการมายังอาคารสร้างใหม่ มีหน่วยงานสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมเข้าปฏิบัติงาน จำนวน 20 สำนัก/กอง

เวลา 16.56 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ทรงคุณวุฒิในทางศิลปวิทยาที่มีผลงานในสาขาต่าง ๆ เป็นที่ประจักษ์ เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนในวงกว้าง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา ประจำปี 2566 ตามลำดับดังนี้

- นางพรสรรค์ วัฒนางกูร สาขามนุษยศาสตร์
- นางทิศนา แขมมณี สาขาศึกษาศาสตร์
- นายปริญญา จินดาประเสริฐ สาขาวิศวกรรมศาสตร์
- นางเพ็ญจิตร ศรีนพคุณ สาขาวิศวกรรมศาสตร์
- นายจรัญ มหาทุมะรัตน์ สาขาแพทยศาสตร์
- นายมานิต ศรีสุรภานนท์ สาขาแพทยศาสตร์
- นางสาวรังสินี โสธรวิทย์ สาขาเกษตรศาสตร์
- นางพรทิพภา เล็กเจริญสุข สาขาแพทยศาสตร์ (สัตวแพทยศาสตร์)

เวลา 17.20 น. พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ในนามประธานคณะกรรมการจัดงานกาล่าดินเนอร์เฉลิมพระเกียรติ "เบญกตัญญุตา" ในโครงการ "สสธวท รวมใจเทิดเอกลักษณ์แห่งปัญจมังกร จารึกความกตัญญูต่อแผ่นดิน" และประธานคณะกรรมการดำเนินงานจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมคณะ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน เพื่อพระราชทานเป็นทุนประเดิมในการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ

เวลา 17.38 น. พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพลโท นพดล ปิ่นทอง รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมอุปกรณ์ประกอบ จำนวน 100 ชุด เพื่อนำไปช่วยเหลือในการฟื้นฟูทำความสะอาดบ้านเรือนราษฎรที่ประสบอุทกภัยอย่างรุนแรงในพื้นที่อำเภอแม่สาย และอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบอุทกภัยอย่างรุนแรงในพื้นที่อำเภอแม่สาย และอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และพระราชทานพระราชกระแสทรงชื่นชมและพระราชทานกำลังใจแก่จิตอาสาทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที และสามารถบรรเทาสถานการณ์ให้คลี่คลายลงได้ตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันปริมาณน้ำเริ่มลดลง ประชาชนกลับเข้าพื้นที่เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนและทำความสะอาด แต่ยังคงเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากมีดินโคลนที่มากับน้ำเป็นจำนวนมากทับถมอยู่ และขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือน  

ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมอุปกรณ์ประกอบจำนวน 100 ชุด ให้แก่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา สำหรับนำไปช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือนราษฎร ที่สาธารณประโยชน์ วัด ถนน และสถานที่ราชการ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว