มติ ป.ป.ช. ชี้มูลร่ำรวยผิดปกติ อดีตนายกเทศมนตรีราชบุรี รวยขึ้น 231 ล้าน ส่วนบิ๊ก พศ. รวยเพิ่ม 30 ล้าน ส่งเรื่องให้อัยการชงศาลสั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน
วันนี้ (9 ม.ค.68) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นางศมานันท์ เหล่าวณิชวิศิษฐ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ร่ำรวยผิดปกติ รวมเป็นเงินจำนวน 231,742,807.50 บาท
โดยข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นางศมานันท์ มีรายได้เมื่อครั้นดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี วาระที่ 1 ระหว่างวันที่ 27 ต.ค.53 – 26 ก.ย.57 และวาระที่ 2 ระหว่างวันที่ 23 ก.พ.58 - 28 เม.ย.59 มีรายได้ตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ระหว่างปี พ.ศ. 2554 - 2559 รวมกับคู่สมรสเป็นเงิน 6,984,464.87 บาท แต่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นภายหลังเข้ารับตำแหน่ง ไม่สัมพันธ์กับรายได้ รวมเป็นเงินจำนวน 231,742,807.50 บาท ดังนี้ 1. เงินฝากในบัญชี นางศมานันท์และคู่สมรส และเงินฝากในบัญชีคู่สมรสรวม 8 บัญชี ที่มีรายการฝากเงินเกินกว่า 200,000 บาท จำนวน 384 รายการ รวมเป็นเงินจำนวน 180,453,667.33 บาท 2. เงินกู้จากธนาคารในชื่อของคู่สมรส 1 แห่ง ลดลงเป็นเงิน 48,289,140.17 บาท และ 3. รถยนต์หรูของคู่สมรส ซึ่งเช่าซื้อกับธนาคาร 2 คัน รวมมูลค่า 3 ล้านบาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า นางศมานันท์ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติสืบเนื่องจากการเปรียบเทียบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่อยู่ในชื่อของตนเองและคู่สมรส รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 231,742,807.50 บาท ให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน และให้ส่งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้มีอำนาจสั่งให้พ้นจากตำแหน่งภายใน 60 วัน โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่
นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีมติชี้มูล นายณรงค์เดช ชัยเนตร อดีตผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สิงห์บุรี ร่ำรวยผิดปกติ 30,089,846 บาท โดยการไต่สวนปรากฏว่า นายณรงค์เดช ขณะดำรงตำแหน่งนักวิชาการศาสนา ชำนาญการ นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอำนาจเจริญ ผอ.กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา และผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสิงห์บุรี และคู่สมรส มีรายได้ตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ระหว่างปี พ.ศ. 2552-2560 รวมเป็นเงิน 3,779,010.65 บาท และมารดาของคู่สมรสไม่ปรากฏว่ามีรายได้จากการประกอบอาชีพอื่นใด แต่ถือครองทรัพย์สินเป็นจำนวนมากไม่สัมพันธ์กับรายได้ รวมมูลค่า 30,089,846.43 บาท ดังนี้ 1.ทรัพย์สินในชื่อของนายณรงค์เดช รวมมูลค่า 8,983,198.07 บาท ได้แก่ เงินฝาก 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 7,499,587.07 บาท, ยานพาหนะ 3 คัน มูลค่า 1,333,611 บาท และเงินที่ใช้ในการชำระหนี้เงินกู้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 150,000 บาท
2.ทรัพย์สินในชื่อของคู่สมรส (จดทะเบียนหย่าเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.60) รวมมูลค่า 19,606,648.36 บาท ได้แก่ เงินฝาก 14 บัญชีรวม 11,616,105.81 บาท, สลากออมสินพิเศษ 2 ฉบับ รวมเป็นเงิน 1,000,000 บาท, เงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่ทำการซื้อผ่านบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเงิน 640,542.55 บาท และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น มูลค่า 6,350,000 บาท
3.ทรัพย์สินในชื่อของมารดาคู่สมรส เป็นสลากออมสินพิเศษ จำนวน 1 ฉบับ เป็นเงิน 1,500,000 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า นายณรงค์เดช ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ รวมมูลค่า 30,089,846.43 บาท ให้ส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน และให้ส่งคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อสั่งลงโทษไล่ออกภายใน 60 วัน โดยถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่