ชาวบ้านกลัวถูกหลอก วอนปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ให้ชัดเจนมั่นคง ก่อนออกโฉนดที่ดิน

ชาวบ้านกลัวถูกหลอก วอนปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ให้ชัดเจนมั่นคง ก่อนออกโฉนดที่ดิน

View icon 285
วันที่ 24 ส.ค. 2568 | 12.11 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (24 ส.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ออกมาระบุกับคณะทูตทหาร 8 ประเทศ ว่าพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ไม่มีเอกสารสิทธิ์แม้แต่แปลงเดียว จนสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่บ้านอ่างศิลาและบ้านหนองจาน ซึ่งมีที่ดินในพื้นที่ที่ชาวกัมพูชาเข้ามาครอบครองนานกว่า 40 ปี อย่างมาก กระทั่งผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้ออกมาขอโทษชาวบ้านผ่านเพจ สวท.สระแก้ว และจะเข้าดำเนินการออกโฉนดให้กับชาวบ้านในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค.68 นี้

โดยระบุว่า "ผมกราบขอโทษพี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน กรณีพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน อ.โคกสูง ทั้งนี้ ยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรไทย ประชาชนผู้มีหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (สค.1) ใบจอง นส.2 และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (นส.3) บริเวณบ้านหนองจาน และบริเวณหลักเขตแดนที่ 45 ถึง 49 สามารถยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดสระแก้ว สาขาอรัญประเทศได้ ซึ่งจังหวัดสระแก้ว พยายามที่จะดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้กับประชาชนผู้มีสิทธิ์ทุกราย ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด โดยในวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2568 จังหวัดสระแก้วพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พนักงานที่ดิน สาขาอรัญประเทศ จะลงพื้นที่รับเรื่องด้วยตนเอง"

ภายหลังผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ออกมาขอโทษผ่านเพจดังกล่าว มีทัวร์ลงออกมาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก วิพากษ์วิจารณ์ และต่อว่าต่าง ๆ นานากันอย่างแพร่หลาย

ล่าสุดวันนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่่บ้านอ่างศิลา และบ้านหนองจาน เพื่อสอบถามกับชาวบ้าน โดย นางสมจิตร จันทะมา อายุ 71 ปี เจ้าของที่ดิน นส.2 จำนวน 50 ไร่ อยู่ติดแนวหลักเขต 48 กล่าวว่า ชาวบ้านมีเอกสารกันหมดทุกคน ในจำนวน 52 คน ที่มีการรวบรวมกันไว้ จำนวน  2,717 ไร่ 1 งาน ซึ่งถูกชาวกัมพูชาครอบครองอยู่ โดยเอกสารชาวบ้านได้มาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ตอนนี้อยู่ตกมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลานแล้ว ทุกคนมีเอกสารสิทธิ์ นส.2 นส.3 และ สค.1

นางสมจิตร กล่าวว่า กรณีที่จังหวัดสระแก้ว บอกว่า จะส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการทำเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้าน ตนไม่เห็นด้วย ควรจะดำเนินการแบ่งเขตแบ่งแดนก่อน ดินแดนไทย หรือ ดินแดนกัมพูชา จึงจะเชื่อใจได้ เพราะกัมพูชาเชื่อใจไม่ได้ เราจะล้ำเข้าไปปักเขต ปักหมุดไม่ได้ ต้องทำให้มันชัดเจนก่อน แบ่งแยกให้เป็นฝั่งไทยฝั่งกัมพูชาตลอดไปตั้งแต่หลักเขต 46 ไปจนถึงหลักเขต 48 ทางที่ดีอยากให้วางลวดหนามบริเวณเขตแดนจริง ๆ เลย จึงจะจบปัญหา หากเข้าไปทำโฉนดรังวัดกันตอนนี้ ทำไม่ได้แน่นอน ทางกัมพูชาไม่ให้เข้าไป เข้าไปก็เจอระเบิด เจอปืนของกัมพูชา ส่วนที่ผู้ว่าฯ บอกว่าจะมารับเอกสารและไปทำโฉนดให้เลย ทำไม่ได้ ต้องไปแบ่งเขตแบ่งแดนก่อน จึงจะจบจะสิ้น ทำแบบนี้ไม่จบไม่สิ้นแน่นอน รอมา 40 กว่าปีแล้ว ฝากความหวังไว้กับแม่ทัพภาคที่ 1 ให้ท่านมีกำลังช่วยชาวบ้านด้วย

ด้าน นางพิมพ์ใจ แสงแก้ว อายุ 41 ปี ทายาทเจ้าของที่ดิน นส.2 เนื้อที่ 95 ไร่ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ามาเอาเอกสารกับชาวบ้านแล้วออกเอกสารสิทธิ์โฉนดให้ได้เลย เพราะเขตแดนเราติดกับกัมพูชา เราเข้าไปไม่ได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปดำเนินการเรื่องเขตแดนให้เรียบร้อย ค่อยมาจัดการเรื่องนี้ให้ชาวบ้าน หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันต้องดำเนินการได้ กรณีที่ผู้ว่าฯ มาขอโทษชาวบ้าน ก็รู้สึกดีใจ และขอบคุณท่านผู้ว่าฯ มาก ๆ ที่ดำเนินการให้ชาวบ้าน ยังรอได้อยู่ อยากให้ไปทำเรื่องเขตแดนให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นเราก็เข้าไปในที่ดินของเราไม่ได้อยู่ดี

ขณะที่ นายดุสิต จันทะมา เจ้าของที่ดินใกล้กับหลักเขตแดนที่ 48 กล่าวว่า ดีใจที่ผู้ว่าฯ ออกมาขอโทษเรื่องนี้ ถือว่าเรายังมีผู้ว่าฯอยู่ กรณีที่ผู้ว่าฯ บอกว่าจะออกเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้านนั้น คงทำไม่ได้ตอนนี้ เพราะที่มันอยู่ในฝั่งที่กัมพูชาอ้างว่าเป็นของเขา ปักปันเขตแดนยังไม่เสร็จ เจ้าหน้าที่รังวัดที่ไหนจะเข้าไปทำได้ ไม่กลัวขาขาดหรือ อยากให้แบ่งเขตแดนโดยไม่เสียเลือดเนื้อ ใช้ความสามารถของผู้ว่าฯ กองทัพภาคที่ 1 อยากให้ทำตรงนี้ก่อน จะมาเอาเอกสารไปแล้วมาทำให้เราเลย ไม่ต้องทำแบบนั้นหลอก ให้มันได้พื้นดินก่อน เอาหลักเขต 46 หลัก 47 และหลัก 48 ให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยมาทำเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้าน