เวลา 13.58 น. วันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลาการเปรียญ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุพรรณบุรี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินสภากาชาดไทย ประจำปี 2568 โอกาสนี้ พระราชทานพระราชวโรกาสให้ เลขาธิการสภากาชาดไทย กราบบังคมทูลรายงานและเบิกผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศลในการถวายผ้าพระกฐินเข้ารับพระราชทานของที่ระลึก
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี สันนิษฐานว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 600 ปี ปรางค์องค์ประธานเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อปี 2456 ชาวบ้านลักลอบขุดค้นหาทรัพย์สินจนทรุดโทรมไปมาก มีพระพิมพ์ผงสุพรรณบุรีเป็นหนึ่งใน "เบญจภาคี" ได้ไปจากกรุในองค์พระปรางค์นี้ และพระเครื่องที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ เช่น พระกำแพงศอก พระมเหศวร พระสุพรรณยอดโถ พระสุพรรณหลังผาน สำหรับพระปรางค์นี้ คาดว่าน่าจะเป็นศิลปะสมัยอู่ทองสุพรรณภูมิ เพราะหลักฐานการก่อสร้างเป็นการก่ออิฐไม่ถือปูน เดิมวัดนี้เป็นวัดสำคัญของเมืองโบราณสุพรรณบุรี มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ก่อนถูกทิ้งร้างไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากนั้น จึงบูรณปฎิสังขรณ์อีกครั้งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ประวัติการสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี ปรากฏในจารึกบนแผ่นลานทองที่พบจากกรุพระปรางค์ และยอดนภศูล เมื่อปี 2456 นักวิชาการมีความเห็นว่า พระมหากษัตริย์ที่ทรงสร้างวัด อาจเป็นสมเด็จพระนครินทราธิราช หรือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ ในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 8 มีนาคม 2478 หลังจากนั้น ได้มีการขุดศึกษาโบราณคดี และบูรณะโบราณสถานบางส่วนเป็นระยะ และปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์จนแล้วเสร็จ เมื่อปี 2562 ปัจจุบัน มีพระครูศรีรัตนวิภูษิต (พระมหาวิเชียร กลฺยาโณ) เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์จำพรรษา 6 รูป เนื่องจากวัดยังขาดแคลนงบประมาณในการสร้างหอสวดมนต์ เมื่อครั้งเกิดเหตุพลุระเบิดที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เมื่อปี 2555 เกิดเพลิงไหม้กุฏิพระสงฆ์และหอสวดมนต์ได้รับความเสียหาย ปัจจุบัน กุฏิพระสงฆ์ ได้สร้างทดแทนขึ้นใหม่แล้ว ขาดแต่อาคารหอสวดมนต์ที่อยู่ระหว่างการจัดสร้างยังไม่แล้วเสร็จ
