เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อวาน (20 ต.ค.) "นายกฯ อนุทิน" ประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นครั้งแรก โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
รัฐบาลอัดยาแรงแก้ปัญหาสแกมเมอร์
โดยการประชุมครั้งนี้ นายกฯ อนุทิน ให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุม นำเครื่องมือสื่อสารไปฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ พร้อมเก็บใส่ถุงพลาสติกด้านนอก เพื่อยืนยันว่าการประชุมครั้งนี้เป็นความลับ และข้อมูลต้องไม่รั่วไหล
ภายหลังการประชุม นายกฯ อนุทิน ยืนยันจะผลักดันเรื่องปัญหาสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ เตรียมชงเข้าที่ประชุม ครม. ในวันนี้ (21 ต.ค.) ส่วนกระแสข่าวว่าแก๊งสแกมเมอร์หนีมาตั้งสำนักงานในกรุงเทพฯ แล้วนั้น นายกฯ อนุทิน บอกว่า เท่าที่ทราบมีอยู่ทั่วไป แต่ฐานหลัก ๆ ยังอยู่อีกฝั่ง
ส่วนมาตรการ "ยาแรง" จะมีออกมาหรือไม่ นายกฯ อนุทิน บอกว่า ทาง สมช. ยืนยัน ถ้าจะตัดหรือปิดสัญญาณ หรือไม่สนับสนุนพลังงานด้านใด ก็ให้หน่วนงานต้นสังกัดหยุดให้บริการได้ทันที
ส่วนกระแสข่าว 7 นักการเมืองไทย เข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์นั้น นายกฯ อนุทิน บอกว่า เป็นข่าวไม่จริง แต่ต้องเฝ้าระวังไว้ หากมีหลักฐานก็ต้องดำเนินการ หรือหากฝ่ายค้านมีรายชื่อ หรือมีข้อมูลก็ให้เปิดเผยได้เลย
จับตาสแกมเมอร์หนีซุกฝั่งโอร์เสม็ด จ.สุรินทร์
ขณะที่ผู้สื่อข่าว 7HD ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณใกล้กับด่านชายแดนช่องจอม หลังได้เบาะแสมาว่า แก๊งสแกมเมอร์กำลังหนีมากบดานที่ด้านหลังกาสิโนแห่งหนึ่งในฝั่งโอร์เสม็ด
จุดดังกล่าวมีการสร้างอาณาจักรสแกมเมอร์มาตั้งแต่ 3 ปีก่อน และปัจจุบัน อาคารสำนักงานสร้างเสร็จแล้ว ซึ่งอยู่ติดกับกาสิโนทั้ง 2 แห่ง
ข้อมูลจาก นายสิทธิโรจน์ เจริญธนะศักดิ์ นายอำเภอกาบเชิง บอกว่า จุดดังกล่าวเคยมีการช่วยคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานมาแล้ว และหากมีแก๊งสแกมเมอร์เข้ามาอยู่ คาดว่าจะมีหลักพันคน เพราะแต่ละอาคารน่าจะอยู่ได้ราว ๆ 300 คน
นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ยังพบชาวอินโดนีเซีย 8 คน หลบหนีออกจากจุดดังกล่าว โดยได้ข้อมูลว่าถูกทำร้ายมาจากพนมเปญ และถูกนำตัวมากักขังไว้ที่หลังกาสิโน
"ฮุน เซน" จวกเขมรทำคอนเทนต์เผาสินค้าไทย
ส่วนความเคลื่อนไหวของ "สมเด็จ ฮุน เซน" เมื่อวานได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ตำหนิคนกัมพูชาที่ทำคอนเทนต์เผาสินค้าไทย โดยระบุว่า "เพิ่งได้ชมวิดีโอความยาวกว่า 8 นาที เนื้อหาเกี่ยวกับการไม่ใช้สินค้าไทย ผมรู้สึกผิดหวังต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสม ซึ่งการเผาทำลายสินค้าไทย และการสาปแช่งผู้ค้าสินค้าไทย ที่ยังมีของเหลือขายไม่หมด เป็นการกระทำที่เกินเลยจากความรักชาติ และเข้าข่ายลัทธิหัวรุนแรงสุดโต่ง จึงเรียกร้องให้ยุติพฤติกรรมบ้าคลั่ง และหากมีเงินมากนัก ก็ควรนำเงินไปซื้อสินค้าที่เหลืออยู่มาเป็นอาหารสัตว์ อย่างน้อยก็ยังให้สัตว์กินได้ ดีกว่าการเผาหรือทำลายทิ้งเปล่า ๆ"