เช้านี้ที่หมอชิต - ผ่านมาครบ 3 วัน ทั้งไทย-กัมพูชาเริ่มถอนอาวุธหนัก และจรวดหลายลำกล้อง แต่สิ่งที่ชาวบ้านกังวล คือ กองทัพไทย ถอนอาวุธกลับหน่วยที่ตั้งในลพบุรี อยู่ไกลจากชายแดนไปมาก ผิดกับฝั่งกัมพูชา ที่ถอนกำลังออกไปตั้งใหม่ในพื้นที่ไม่ห่างจากแนวชายแดน
นี่เป็นคลิปขณะที่ทหารกัมพูชา เคลื่อนย้ายปืนใหญ่ออกจากแนวชายแดนตามข้อตกลงถอนอาวุธหนักที่เริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งคลิปนี้เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force นำมาเผยแพร่ นอกจากนี้ยังมีคลิปทหารกัมพูชา โพสต์คลิปถ่ายคู่กับเครื่องยิงจรวด "บีเอ็ม-21" ซึ่งจัดอยู่ในอาวุธประเภทแรก ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงถอนออกจากพื้นที่
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก Thai Burma railway ทางรถไฟสายมรณะ ได้โพสต์ภาพการถอนอาวุธของกัมพูชา เป็นภาพขบวนรถจรวดหลายลํากล้องวิ่งข้ามสะพานข้ามแยก เคลื่อนไปตามถนน จนกลับถึงพนมเปญ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายแดนอยู่ห่างประมาณ 17 กิโลเมตร โดยผู้ใช้โซเชียลฯ ส่วนหนึ่งบอกว่ายังไว้ใจกัมพูชาไม่ได้ บางคนมองว่าอาจแค่ขับรถวนรอบไปมาแล้วไปจอดไว้ที่เดิม เพื่อบอกว่าได้ถอนอาวุธหนักเรียบร้อยแล้ว
ด้าน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีการเคลื่อนย้ายอาวุธของไทยกลับไปที่ลพบุรีว่า กองทัพบกสามารถเคลื่อนย้ายอาวุธกลับเข้าพื้นที่ได้ทัน หากเกิดปัญหากัมพูชาไม่ทำตามข้อตกลงการถอนอาวุธ โดยแนวทางการถอนอาวุธนั้น ถอนเฉพาะอาวุธหนัก 3 กลุ่ม จรวดหลายลำกล้อง, ปืนใหญ่ และรถถัง ซึ่งเป็นอาวุธที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร
ซึ่ง โฆษกกองทัพบก ยืนยันกำลังทหารตามแนวชายแดนยังอยู่เหมือนเดิม เพียงแค่ถอนอาวุธ และระบบยิงบางส่วนเท่านั้น อาวุธยิงสนับสนุนในระยะใกล้ที่ใช้ปกป้องอธิปไตยของแต่ละหน่วยยังมีอยู่
ขณะที่เมื่อวาน (3 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อม โฆษกเหล่าทัพ ร่วมแถลงความคืบหน้าจากผลการประชุม JBC และ GBC ยืนยันว่ารัฐบาลมุ่งมั่นตั้งใจจะนำความสงบสุขกลับมาคืนสู่คนไทยทุกคน โดยยึดหลักไม่เสียดินแดนไม่เสียอธิปไตยแม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว
ส่วนการเปิดด่านเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะพิจารณา จนกว่ากัมพูชาต้องทำตามเงื่อนไข 4 ข้อก่อน ส่วนประเด็นกระแสข่าวที่มีการอ้างว่าทหารกัมพูชา ขัดขวางไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ในการนำคณะ AOT ลงพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิดที่บริเวณช่องสายตะกู
"นายกฯ อนุทิน" ให้สัมภาษณ์ว่า ขออย่าเพิ่งไปใช้คำว่าขัดขวาง เพราะทั้ง 2 ฝ่าย ประชุมกันตลอด และทราบมาว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังดำเนินการอยู่ ทั้งเรื่องการถอนกำลัง รวมถึงเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
สำหรับความคืบหน้าในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ได้เข้าพิสูจน์ทราบพื้นที่แล้ว 7.62 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด พื้นที่ทั้งหมด 355,026 ตารางเมตร โดยปัจจุบันฝ่ายไทยยืนยันความพร้อม และดำเนินการตามแผนที่เสนอต่อฝ่ายกัมพูชาครอบคลุมทั้ง 13 พื้นที่ แต่ฝ่ายกัมพูชา ยังไม่มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม