“วิโรจน์“ ป้อง “นายกฯ” ลั่น อย่าเพิ่งกล่าวหาท่าน เอื้อประโยชน์ทุนเทา เหตุเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ชี้ “ยุบสภา” เป็นอำนาจนายกฯ ก่อนแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ ย้ำ รธน. ปี 60 เป็นโซ่ตรวนขวางพัฒนา พร้อมจับมือ “เพื่อไทย” ยื่นซักฟอก หากรัฐบาลมีความผิดฉกรรจ์ ไม่เอาเป็นเกมการเมือง-ช่องทางระบายความแค้นส่วนตัวใคร
5 พ.ย. 68 นายวิโรจน์ ลักษณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบหรือไม่ เรื่องปล่อยให้ทุนเทายึดประเทศว่า ต้องบอกว่า มีอำนาจดำเนินการ เพราะวันนี้ท่านถืออำนาจ แต่เราอย่าเพิ่งไปกล่าวหาท่านว่าท่านเอื้อประโยชน์ให้ทุนเทา เพราะท่านเพิ่งมารับตำแหน่ง แต่ท่านมีหน้าที่ต้องจัดการกับทุนเทาเหล่านั้น โดยสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี อาจยุบสภาก่อนวันที่ 31 ม.ค. 69 หากมีความสุ่มเสี่ยงทางการเมืองจะกระทบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า เรื่องยุบสภา เป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกฯ เราก็ทำตามหน้าที่กันไป ในส่วนของการแก้ไขรัฐธรรมนูญคิดว่า คณะกรรมาธิการที่พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ทำเต็มที่ ซึ่งการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะยุบสภาก็ต้องว่ากันไปในสภาฯ สมัยหน้า
เมื่อถามว่า แบบนี้จะถือว่าผิดสัญญาใน MOA หรือไม่เพราะจะทำให้เสียของ เนื่องจากยังแก้รัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ นายวิโรจน์ กล่าวว่า อย่างน้อยเราได้พยายาม เราพูดมาตลอดว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา ส่วนที่พรรคประชาชนต้องพูดถึงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ก็เพราะกฎระเบียบของประเทศ จะโอเคหรือไม่ที่ 2 ปีเปลี่ยนนายกฯ 3 คน แล้วจะขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจได้อย่างไร อย่างนโยบายเศรษฐกิจ ที่ตอนนี้กลายเป็นแค่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งคนละครึ่ง ช็อปช่วยชาติ แต่นโยบายเศรษฐกิจ ต้องพูดถึงการลงทุนในสาธารณูปโภคครั้งใหญ่ กระจายเม็ดเงินสู่ท้องถิ่น
นายวิโรจน์ บอกอีกว่า ตนเคยคุยกับ สส. พรรคเพื่อไทย ว่า ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดขึ้น แล้วนโยบาย 30 บาท ยังไม่เคยเกิด แต่มาเกิดในยุคนี้คิดว่า จะผ่านหรือไม่ คำตอบคือ ไม่น่าผ่าน เพราะแค่คิดก็จะมีนักร้องไปร้อง แล้วจะมีเก้าอี้ 9 ตัว ทำตัวเป็นเดอะวอยซ์ กดหันหลัง แล้วก็ไปกันไม่ได้ สิ่งที่ตนพูด ไม่ได้พูดเกินไป ระบบแบบนี้เคยเกิดขึ้นในรถไฟความเร็วสูง สุดท้ายทำให้ประเทศเราถูกเหนี่ยวรั้ง ถูกโซ่ตรวนในการพัฒนาประเทศ ทำได้แต่คนละครึ่งคนละข้างแบบนี้ และย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่า คาดหวังว่านายกฯ จะยุบสภาหลังจาก ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขผ่านวาระ 3 แล้วหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนก็คาดหวัง หากพรรคภูมิใจไทยเห็นปัญหาเดียวกับเราว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นโซ่ตรวนในการพัฒนาประเทศ ตนก็ตั้งคำถามว่า คนที่ร่างรัฐธรรมนูญปี 60 วันที่ร่างรู้จักปัญญาประดิษฐ์แล้วหรือไม่ ซึ่งคิดว่า เขาไม่เคยคิด
“เขาจินตนาการอนาคตโดยเอาอดีตมาจินตนาการ แต่การจินตนาการในอนาคตต้องใช้ความเป็นปัจจุบัน เพื่อจินตนาการอนาคตข้างหน้า Good Old Days ย้อนรำลึกวัยหวาน แล้วก็เป็นนโยบายที่ไม่ใช่อนาคต แต่ผมจะเรียกว่า นโยบายที่แก้ไขอดีตที่คุณไม่พึงพอใจ แล้วคุณเรียกสิ่งนั้นว่าอนาคต“ นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามว่า เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ มีโอกาสที่พรรคประชาชนอาจจะไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า หากมีเนื้อหาสาระที่จำเป็นต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคประชาชนก็พร้อมที่จะยื่น เพราะไม่ได้อยู่ในข้อตกลง MOA หากมีเรื่องที่หนักหนาสากัน หรือประเด็นที่เป็นภัยร้ายต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน พรรคประชาชนก็พร้อมที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และพร้อมที่จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้มีปัญหาอะไร โดยเอาเนื้อหามาคุยกัน แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องอภิปรายโดยยึดกับเนื้อหาสาระ ถึงความผิดฉกรรจ์ที่รัฐบาลก่อ และเนื้อหาสาระในการอภิปราย เราจะไม่ใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาเป็นเกมทางการเมือง หรือเป็นช่องทางระบายความแค้นส่วนตัวของใคร แต่ยึดเนื้อหาสาระเป็นหลัก หากมีเนื้อหาสาระที่มากพอก็ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ