เขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มอัตราระบายน้ำ 2,700 ลบ.ม./วินาที

View icon 124
วันที่ 6 พ.ย. 2568 | 06.07 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - กรมชลประทาน เร่งพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำ เพิ่มอัตราระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เป็น 2,700 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งรับฝนตกหนักจากพายุ "คัลแมกี" 7-9 พฤศจิกายนนี้

เมื่อช่วง 22.00 น. ที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 4 เรื่องพายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" บริเวณทะเลจีนใต้ กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางวันนี้ ถึง 7 พฤศจิกายน

หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชัน เคลื่อนผ่านประเทศลาว โดยในวันที่ 7 พฤจิกายน จะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ

จากอิทธิพลของพายุ "คัลแมกี" ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 7-9 พฤจิกายนนี้ ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยจะเริ่มจากบริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ ตามลำดับ

จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 2 พฤจิกายนเป็นต้นมา ส่งผลกระทบต่อปริมาณระดับน้ำในเขื่อนทั่วประเทศ โดยเฉพาะเขื่อนหลัก 4 แห่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ข้อมูลน้ำในเขื่อน ณ วันที่ 5 พฤจิกายน

โดยเขื่อนภูมิพล ความจุอยู่ที่ 13,462.00 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำในอ่าง 13,111.64 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 97.40%

เขื่อนสิริกิติ์ ความจุอยู่ที่ 9,510.00 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำในอ่าง 9,255.83 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 97.33%

เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ความจุอยู่ที่ 939.00 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำในอ่าง 947.67 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 100.92%

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ความจุอยู่ที่ 960.00 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำในอ่าง 994.46 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 103.59%

เขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มอัตราระบายน้ำ 2,700 ลบ.ม./วินาที
และจากปริมาณน้ำไหลเข้าเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรมชลประทาน จึงปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา

จากอัตรา 2,600 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตรา 2,700 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่ 22.00 น. ของเมื่อวาน จนถึง 04.00 น. ของวันนี้ และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง

ชาวบ้านเริ่มทำใจ ปีเดียวน้ำท่วมซ้ำหลายรอบ จ.ชัยนาท 
การปรับเพิ่มการระบายรายวัน ส่งผลให้ระดับน้ำพื้นที่ท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร กระแสน้ำพัดแนวกระสอบทรายและคันดินแตก น้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตำบลโพนางดำออก อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ถูกน้ำท่วมเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี และหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจังหวัดชัยนาท เร่งขนย้ายผู้ป่วยติดเตียง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นชั้น 2 ของบ้าน ส่วนบ้านชั้นเดียว ได้นำผู้ป่วยติดเตียงส่งไปอยู่โรงพยาบาลสรรพยาเป็นการชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์น้ำจะคลี่คลาย

รองนายกเทศมนตรีตำบลโพนางดำออก บอกว่า ตอนนี้พื้นที่ตำบลโพนางดำออกถูกน้ำท่วมเต็มทั้งพื้นที่ ยกเว้นหมู่ 8 เพียงหมู่เดียว รวมกว่า 2,000 ครัวเรือน ชาวบ้านต้องอพยพขึ้นไปพักอาศัยริมถนนคันคลองมหาราชอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ชาวบ้านเริ่มทำใจรับสภาพ จะให้น้ำขึ้นเท่าไรก็ปล่อยมาได้เลยเต็มที่

เช่นเดียวกับอำเภอวัดสิงห์ อำเภอมโนรมย์ และอำเภอเมืองชัยนาท ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร ชาวบ้านบอกไม่เคยเจอ 1 ปี น้ำท่วมหลายรอบ ถึงแม้จะรับสภาพได้ แต่เบื่อขนของหนีน้ำ

เฝ้าระวังจุดเสี่ยง ริมแม่น้ำน้อย-เจ้าพระยา จ.อ่างทอง 
เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลวิเศษไชยชาญ จังหวัดอ่างทอง ตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มอีก 1 เครื่อง รวมเป็น 9 เครื่อง เพื่อช่วยระบายน้ำภายในชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทอง ออกสู่แม่น้ำน้อยให้เร็วขึ้น

ขณะเดียวกัน รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง สั่งให้เฝ้าระวังชุมชนลุ่มแม่น้ำน้อย เพราะมีพื้นที่ติดต่ออำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งการระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา อาจทำให้น้ำไหลย้อนกลับเข้าสู่แม่น้ำน้อย

นอกจากนี้ รักษาการผู้ว่าฯ ยังกำชับให้เพิ่มการป้องกันวัดที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น วัดต้นสน วัดอ่างทองวรวิหาร เพราะคาดว่าการเพิ่มอัตราการระบายน้ำ จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน และเขตเศรษฐกิจในเทศบาลเมืองอ่างทอง

ศรัทธาแรงกล้า แห่กฐินกลางน้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา 
พระครูพิบูล เจ้าอาวาสวัดบันไดช้าง ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำคณะศรัทธาชาวบ้าน ล่องเรือท้องแบนเวียนผ้ากฐินรอบโบสถ์ 3 รอบ ตามประเพณีโบราณ

เจ้าอาวาสวัดบันไดช้าง บอกว่า เสียดายที่กำหนดงานทอดกฐินช่วงท้ายเดือนตรงกับวันลอยกระทง เพราะคิดว่าน้ำจะลดลงตามธรรมชาติ

โดยก่อนวันงานไม่กี่วัน น้ำในวัดลดลง พระและชาวบ้านช่วยกันล้างโบสถ์เตรียมรับงานกฐินสุดท้ายของปี แต่เพียงคืนเดียวระดับน้ำกลับเพิ่มสูงขึ้น เพราะการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ส่งผลให้พื้นที่ตำบลหัวเวียง ซึ่งเป็นจุดลุ่มต่ำ ถูกน้ำท่วมซ้ำระลอกที่ 5 ทางวัดต้องปรับรูปแบบจากกฐินบนบก กลายเป็นกฐินลอยน้ำแทน

พนังกั้นน้ำวัดเมตารางค์ ถูกซัดแตกกลางดึก จ.ปทุมธานี 
ส่วนเมื่อคืน เวลา 23.20 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยรับแจ้ง พนังกั้นน้ำแตกบริเวณวัดเมตารางค์ ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมโรงเรียน บ้านเรือนประชาชน และทุ่งนา เบื้องต้นผู้นำชุมชนประสานงาน อบต. นำรถแบ็กโฮมาอุดรอยแตกของพนังกั้นน้ำ

นายสตกฤช วิชิตพันธ์ ผอ.โรงเรียนวัดเมตารางค์ สั่งปิดการเรียนการสอนเบื้องต้นเป็นเวลา 2 วัน ครูนักเรียนช่วยกันเคลื่อนย้ายสื่อการเรียนการสอนกลางดึก เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง