เช้านี้ที่หมอชิต - ติดตามสถานการณ์น้ำภาคเหนือกันบ้าง อัปเดตสถานการณ์น้ำ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา เขื่อนภูมิพล, เขื่อนสิริกิติ์, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
สถานการณ์น้ำในอ่างขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ข้อมูลวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568
เขื่อนภูมิพล ปริมาณน้ำในอ่างฯ อยู่ที่ 13,177 ล้านลูกบาศก์เมตร ความจุ 98% สามารถรับน้ำได้อีก 285 ล้านลูกบาศก์เมตร
เขื่อนสิริกิต์ ปริมาณน้ำในอ่างฯ อยู่ที่ 9,256 ล้านลูกบาศก์เมตร ความจุ 97% สามารถรับน้ำได้อีก 254 ล้านลูกบาศก์เมตร
เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิต์ ปริมาณน้ำในอ่างฯ อยู่ที่ 22,432 ล้านลูกบาศก์เมตร ความจุ 98% สามารถรับน้ำได้อีก 540 ล้านลูกบาศก์เมตร
เขื่อนแควน้อยฯ ปริมาณน้ำในอ่างฯ อยู่ที่ 947 ล้านลูกบาศก์เมตร ความจุ 101% สามารถรับน้ำได้อีก 0 ล้านลูกบาศก์เมตร
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำในอ่างฯ อยู่ที่ 994 ล้านลูกบาศก์เมตร ความจุ 104% สามารถรับน้ำได้อีก 0 ล้านลูกบาศก์เมตร
สถานการณ์น้ำ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยาปริมาณน้ำในอ่างรวม 24,871 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 98% มากกว่าปีก่อน 2,586 ล้านลูกบาศก์เมตร
นายไพฑูรย์ เก่งการช่างรองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานข้อมูลพยากรณ์ฝน 7 วันล่วงหน้า คาดว่าจะมีปริมาณฝนในพื้นที่เขื่อน 80 มิลลิเมตร ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสะสม 301.92 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับเขื่อนภูมิพลหากปรับเพิ่มปริมาณการระบายน้ำแบบขั้นบันได เป็น 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน พบว่าในอีก 7 วัน จะมีปริมาตรน้ำ 13,323 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 99% ของความจุเก็บกัก
จึงวางแผนปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันได ขยับไปที่ 40 และ 45 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ปริมาณน้ำที่ระบายออกจากเขื่อนจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนฯ เพิ่มสูงขึ้นไม่เกิน 20 เซนติเมตร โดยมวลน้ำจากเขื่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำปิง ผ่านจังหวัดตาก จังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดนครสวรรค์
จนถึงเขื่อนเจ้าพระยาใช้เวลาอีก 8-9 วัน ซึ่งจะไม่ส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น จึงได้วางแผนระบายน้ำท้ายเขื่อนที่เจ้าพระยาให้คงอยู่ในอัตรา 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และวางแผนผันไปฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้สมดุลกัน เพื่อเร่งระบายออกสู่อ่าวไทยให้เร็วที่สุด
