ผู้ปกครองรวมตัวแจ้งความจับติวเตอร์ดังเมืองสงขลา ฉ้อโกงค่าคอร์สเรียน มูลค่าความเสียหาย ประมาณ 5 ล้านบาท
วันนี้ (10 พฤศจิกายน 2568) ที่ สภ.เมืองสงขลา ผู้เสียหายนับสิบราย นำหลักฐานการโอนเงิน และหลักฐานแช็ตไลน์พูดคุยกับครู เจ้าของสถาบันติวเตอร์แห่งหนึ่งใน ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของสถาบันติวเตอร์ หลังถูกหลอกขายคอร์สติวรายละ 100,000–150,000 บาท ก่อนเชิดเงินหนี โดยเบื้องต้นพบผู้เสียหายแล้วกว่า 20 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 5 ล้านบาท
น.ส.วราพร ผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม.1 เผยว่า เริ่มให้ลูกเรียนที่ติวเตอร์แห่งนี้ตั้งแต่ชั้น ป.5 ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.1 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองจังหวัดสงขลาแล้ว และระยะหลังก็เห็นติวเตอร์แห่งนี้มีความเติบโต พร้อมกับมีการชักจูงให้สแกนลายนิ้วมือ เพื่อดูพัฒนาการของเด็กตามหลักจิตวิทยา และมีการเก็บเงินรอบแรกเกือบ 30,000 บาท และหลังสแกนลายนิ้วมือดูศักยภาพของเด็กว่ามีศักยภาพด้านใดเพื่อพัฒนาได้ถูกต้อง ก็มีการเสนอคอร์สเรียน จนถึงจบ ม.6 ในราคา 150,000 บาท เมื่อปี 2567 ซึ่งตนแบ่งจ่าย 2 รอบ รอบแรกประมาณ 50,000 บาท และรอบที่ 2 100,000 บาท จากนั้นครูที่ติวเตอร์ก็มีการสอน ออนไลน์แบบตัวต่อตัว โดยใช้ระบบออนไลน์ติวที่บ้านในช่วงกลางคืน และเริ่มผิดสังเกตช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีการติวให้ลูก และสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เริ่มมีการพูดคุยกันในกลุ่มผู้ปกครอง ว่าผู้บริหารของติวเตอร์แห่งนี้ หายตัวไป ซึ่งที่ผ่านมา เห็นว่าครูดูแลและติวหนังสือให้ลูกเป็นอย่างดีอีกทั้งโปรไฟล์ของติวเตอร์ก็มีความน่าเชื่อถือและยังขยายกิจการ จากติวเตอร์ที่อยู่ในซอยเล็กๆ ก็ออกมาอยู่อาคารพาณิชย์ ริมถนนสายสงขลา-นาทวี โดยเจ้าของก็บอกว่าได้ซื้ออาคาร 3 คูหา เปิดเป็นสถานที่ติวเตอร์แห่งใหม่ พร้อมกับได้ซื้อแฟรนไชส์ติวเตอร์ชื่อดังจากกรุงเทพมหานครมาเปิดสาขาที่เมืองสงขลา ถือเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ปกครอง
ทั้งนี้จากการสอบถามทำให้ได้ข้อมูลว่า ครูติวเตอร์ดังกล่าว มีการไป กู้ยืมเงินนอกระบบจนทำให้ขาดสภาพคล่อง
ด้าน น.ส. พิมละลิน อายุ 37 ปี เจ้าของร้านทำเล็บ ใน อ.เมืองสงขลา ก็เล่าว่า ตนเห็นว่าติวเตอร์ดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ จึงให้ลูกชายเข้าไปเรียนเพื่อให้ใช้เวลาว่างในช่วงเย็นเป็นประโยชน์ ช่วงแรกอัตราค่าเรียนราคาถูกประมาณ 1,000-2,000 บาท หลังจากเรียนได้ประมาณ 2-3 เดือน ก็มีการแนะนำให้รู้จักกับครูแพร คนที่อ้างว่าเป็นนักจิตวิทยาเด็ก แล้วพูดคุยกัน แนะนำให้ลูกชายอายุ 5 ขวบไปสแกนลายนิ้วมือ ก่อนจะแนะนำคอร์สเรียนใหม่ ชื่อ u passion Junior ที่เตรียมนักเรียนเข้าศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษา และบอกว่าได้ซื้อแฟรนไชส์ดังกล่าวมาเปิดที่เมืองสงขลา เป็นแห่งแรกของภาคใต้ พร้อมกับมีโพรโมชั่น ทั้ง เรียนพิเศษช่วงเย็น เรียนพิเศษช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ฟรี การสแกนนิ้วฟรี การเรียนกีฬาเสริม เช่น ว่ายน้ำ เทควันโดฟรี การทำกิจกรรมต่างๆเช่นกัน เข้าค่ายวิชาเรียน โดยมีค่าเรียน 150,000 บาท และมีครูชื่อครูพี่แพรเป็นคนดูแล นอกจากนี้ ยังมีการชักชวนให้หาเด็กไปเรียนเพิ่มเติม โดยลดค่าเรียนเหลือ 150,000 บาท แต่เมื่อผู้ปกครองลังเลก็ลดราคาเหลือ 50,000 บาท ซึ่งตนเสียเงินไป 150,000 บาท เป็นค่าเรียนของลูกชายและหลานชาย รวม 2 คน ทั้งนี้การเรียนการสอนก็จะแยกระหว่างส่วนตูนติวเตอร์ กับ U passion อย่างชัดเจน และทำให้ลูกของตนมี ผลการเรียนดีขึ้น
ขณะที่บางวัน ครูแพร ก็มีเวลาว่าง ไปหาตนที่ร้านทำเล็บ และร้านอาหารของตน โดยอยู่ดูแลลูกของตนทั้งวัน คาดว่าเป็นการสร้างความมั่นใจ นอกจากนี้ตนก็ยังแนะนำผู้ปกครองอีก 2 คนให้นำบุตรหลานไปเรียนที่โรงเรียนดังกล่าว ทำให้ขณะนี้เสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก และไม่มีใครคาดคิดว่าสถาบันติวเตอร์ที่มีชื่อเสียงในเมืองสงขลา จะก่อเหตุในลักษณะนี้ เพราะที่ผ่านมาก็มีครูที่สอนนักเรียนได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ
ทั้งนี้จากการพูดคุยกับกลุ่มผู้ปกครอง ก็ทำให้ทราบว่ามีการไปยืมเงิน จากผู้ปกครองหลายคน เช่นเดียวกับตน ที่เคยได้รับการสอบถามเพื่อหานายทุน กู้ยืมเงินนอกระบบ จำนวน 300,000 บาท โดยอ้างว่าต้องการนำเงิน ไปแต่งเติม อาคารพาณิชย์ให้เหมาะกับการเรียนการสอนของเด็ก และสถาบันการเงินยังไม่อนุมัตวงเงินกู้ซื้ออาคารพาณิชย์ดังกล่าว ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ได้ให้ยืมเงิน ทำให้เชื่อว่าขณะนี้ทั้งค่าคอร์สเรียนและเงินยืมหลายล้านบาท
ขณะที่จากการเดินทางไปตรวจสอบสถาบันติวเตอร์ เป็นอาคารพาณิชย์ 3 คูหา 3 ชั้น ซึ่งก่อนหน้านี้มีการติดตั้งป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บริเวณหน้าอาคาร แต่ล่าสุด มีการให้ช่างมาถอดป้ายดังกล่าวออกไปแล้ว ซึ่งจากการสอบถามจากเจ้าของโครงการอาคารพานิชย์ ก็ให้ข้อมูลว่า ครูปุ้ย เจ้าของสถาบันติวเตอร์ ได้ติดต่อขอเช่าอาคาร 2 คูหา ตั้งแต่ปลายปี 2567 และเริ่มทำสัญญาเช่า เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยระหว่างนั้นก็ยื่นเอกสารหลักฐานต่อสถาบันการเงิน เพื่อทำสัญญาเช่าซื้อ 1 คูหา แต่สถาบันการเงินไม่อนุมัติ กระทั่งเดือนกรกฎาคม เริ่มติดค้างค่าเช่า รวมทั้งไม่จ่ายค่าน้ำค่าไฟด้วย ก่อนจะหายตัว และติดต่อได้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยให้มาเซ็นรับสภาพหนี้ค่าต่อเติมภายในอาคารพานิชย์ ประมาณ 4-5 แสนบาท จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้จนกระทั่งถึงวันนี้ ทั้งนี้หากผู้ปกครองที่รู้ตัวว่าได้รับความเสียหาย จากสถาบันติวเตอร์ดังกล่าว ให้แจ้งความที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา เพื่อดำเนินคดี
นาย จิระพัฒน์ น้อยจันทร์ ทนายความของ U Passion สถาบันติวเตอร์ชื่อดังที่กรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อนหน้านี้ มีการติดต่อซื้อเฟรนไชน์ของ U Passion จริง และมีการจ่ายเงินทำสัญญากันเรียบร้อย แต่ผู้ที่ติดต่อซื้อกลับไม่เคยส่งรายละเอียดหรือข้อมูลให้กับ U Passion รับทราบ และไม่มีการติดต่อขอยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดเข้าเรียนออนไลน์ ก่อนที่ผู้เสียหายในจังหวัดสงขลา จะแจ้ง U Passion ว่ามีการใช้สถาบันไปหลอกลวงเอาเงิน ซึ่งขณะที่มีการรวบรวมพยานหลักฐาน และเตรียมยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งพระโขนง เพื่อเรียกค่าเสียหาย ฐานละเมิด