แฉอีก ! กลุ่มครูรวมตัวร้องความเป็นธรรม ถูกเบี้ยวค่าจ้าง เจ้าของติวเตอร์ กู้เงินนอกระบบ และนำเงินผู้ปกครองหลักแสน ไปหมุนใช้ส่วนตัว
ความคืบหน้ากรณีผู้ปกครองกว่า 20 คน เข้าแจ้งความถูกสถาบันติวเตอร์ชื่อดัง ในเมืองสงขลา หลอกขายคอร์สติวหลักแสน อ้างเป็นแฟรนไชส์จากส่วนกลาง ล่าสุดวันนี้ (11 พ.ย. 68) กลุ่มครูรับจ้างในสถาบันเดียวกันกว่า 30 คน รวมตัวร้องขอความเป็นธรรม พร้อมลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของเจ้าของสถาบันฯ และยังถูกเบี้ยวค่าจ้างรวมกว่า 300,000 บาท
ครูรายหนึ่ง ซึ่งทำงานในสถาบันมากว่า 8 ปี เปิดเผยว่า เดิมไม่มีปัญหาใด ๆ จนกระทั่ง “ครู ป.” เจ้าของสถาบัน นำ “ครู พ.” เข้ามาช่วยงานเมื่อราว 2 ปีก่อน และมีการชักชวนให้ซื้อแฟรนไชส์สถาบันชื่อดัง พร้อมนำระบบตรวจลายนิ้วมือมาใช้วิเคราะห์ความถนัดของเด็ก แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือขายคอร์สเกินจริงให้ผู้ปกครอง โดยมุ่งเป้าครอบครัวที่มีกำลังจ่ายสูง และให้ชำระเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของครู พ.
“ครู พ. จะดูว่านักเรียนคนไหนมีศักยภาพทางการเงิน ก็จะตีสนิท ชวนตรวจลายนิ้วมือ อ้างหาความถนัด ก่อนเสนอคอร์สหลักแสนในชื่อ U Passion ให้จ่ายตรงเข้าบัญชีส่วนตัว แล้วให้เราช่วยออกใบเสร็จ ซึ่งเป็นระบบที่ทำขึ้นเอง ไม่ได้ออกจากสถาบันส่วนกลาง เราเริ่มเอะใจเพราะจำนวนเงินในใบเสร็จไม่เท่ากัน บางราย 30,000 บาท บางรายสูงถึง 170,000 บาท แต่เมื่อทักท้วงก็ถูกห้ามไม่ให้ยุ่ง” ครูกล่าว พร้อมระบุว่า ช่วงหลังมีชายฉกรรจ์มาทวงหนี้ที่หน้าสถาบันบ่อยครั้ง ก่อนเจ้าของหายตัวไปและขาดการติดต่อ
ขณะที่ครูอีกคน ซึ่งทำหน้าที่ธุรการและจัดตารางสอน เปิดเผยว่า “ครู ป.” เคยอ้างว่าซื้อแฟรนไชส์ มูลค่า 300,000 บาท เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เดิมตนสอนภาษาอังกฤษในสถาบันเดิมมา 9 ปี และรับหน้าที่จัดตารางสอนหลังเปิดสาขาใหม่ โดยมีเด็กกว่า 20 คนที่ซื้อคอร์สผ่านครู พ. เข้ามาเรียน แต่ไม่ทราบว่าขายคอร์สในราคาเท่าใด
“ในความเป็นจริง ครูทุกคนไม่มีเอกสารการสอนจากส่วนกลางเลย ทุกอย่างเราทำเองทั้งหมด อ้างอิงหลักสูตรแกนกลาง แต่ครู ป. ย้ำให้ใส่โลโก้สถาบันลงในชีทเรียน โดยบอกว่าได้รับอนุญาตแล้วเพื่อให้ดูพรีเมียม จนเรามาทราบทีหลังจากผู้ปกครองว่า สถาบันส่วนกลางไม่เคยมีสาขาที่สงขลา แท้จริงเราเป็นเพียงคนกลางส่งเด็กเข้าระบบและรับค่าคอมมิชชัน แต่เจ้าของกลับรับเงินเต็มและเรียกเก็บเกินจริง” ครูกล่าว พร้อมเผยว่า ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเริ่มมีปัญหาค่าจ้างล่าช้า ก่อนที่เจ้าของจะขาดการติดต่อหายไป
ท้ายที่สุด กลุ่มครูทั้งหมดเรียกร้องให้เจ้าของสถาบันติวเตอร์ออกมารับผิดชอบต่อการกระทำ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก ทั้งผู้ปกครองที่สูญเงินและครูที่ถูกมองว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ พร้อมยืนยันต้องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง