กกต. ส่งศาลฎีกา ฟันอาญา-เพิกถอนสิทธิ 3 คนกลาง ทุจริตเลือก สว.ระดับประเทศ ชี้ มีหลักฐานชัด

กกต. ส่งศาลฎีกา ฟันอาญา-เพิกถอนสิทธิ 3 คนกลาง ทุจริตเลือก สว.ระดับประเทศ ชี้ มีหลักฐานชัด

View icon 224
วันที่ 23 ธ.ค. 2568 | 13.57 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
กกต. มีคำสั่งส่งศาลฎีกา ฟันอาญา-เพิกถอนสิทธิ 3 คนกลาง ทุจริตเลือก สว.ระดับประเทศ ชี้ หลักฐานมัดจ่ายเงิน-เปย์ที่พัก แลกลงคะแนน

วันนี้ (23 ธ.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซด์ กกต. เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.มีคำสั่งให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายอับดุลเลาะ สือแม ผู้ถูกร้องที่ 24, นายมะยาลี บาโด ผู้ถูกร้องที่ 25 และนายมูฮัมหมัดมัสรี ฮามิ ผู้ถูกร้องที่ 26 ทั้งหมดเป็นบุคคลที่ไม่ใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 62 และรัฐธรรมนูญ มาตรา 226 พร้อมดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 77 (1) ของกฎหมายเดียวกัน และให้กันนายซูรียา ดือเระ ผู้มีสิทธิ์เลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศกลุ่ม 7 หมายเลข 26 ผู้ถูกร้องที่ 5 ไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดีอาญา

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากมีการร้องว่า ในการเลือกตั้ง สว.ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.67 การลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกันของกลุ่มที่ 7 ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึง 23 ได้ 0 คะแนน เพราะไม่ลงคะแนนเลือกตนเอง ซึ่งเป็นการทุจริตเลือกตั้งในลักษณะสมยอมกันในการลงคะแนนเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 77 (1) มาตรา 79 มาตรา 81 พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.2561 ซึ่งพยานหลักฐานรับฟังได้ว่า ผู้ถูกร้องที่ 24 เป็นผู้ร้องขอให้ผู้ถูกร้องที่ 5 ซึ่งมีอาชีพรับจ้างกรีดยางมีรายได้เดือนละ 600 บาท ไม่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา เข้าสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาอำเภอจะแนะ จะ.นราธิวาส โดยจะดูแลและออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้

เมื่อผู้ถูกร้องที่ 5 ผ่านการคัดเลือกมาเป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศ ผู้ถูกร้องที่ 24 เป็นผู้ประสานให้ผู้ถูกร้องที่ 25 และ26 พาผู้ถูกร้องที่ 5 เดินทางไปกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าร่วมการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ โดยสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเดินทางจากจังหวัดนราธิวาสมายังกรุงเทพฯ และค่าที่พัก เมื่อบุคคลทั้ง 3 รายเดินทางไปถึงโรงแรมที่พักแล้ว ได้มีบุคคลมาพบผู้ถูกร้องที่ 5 ที่ห้องพัก พร้อมมอบเงินสดจำนวน 10,000 บาท ให้แก่ผู้ถูกร้องที่ 5 โดยแลกกับการที่ผู้ถูกร้องที่ 5 ลงคะแนนเลือกตามหมายเลขประจำตัวผู้สมัครที่จดไว้ในกระดาษที่ผู้ถูกร้องที่ 5 ได้รับมา โดยผู้ถูกร้องที่ 24, 25 และ 26 รู้เห็นเป็นใจในการกระทำดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะการกระทำร่วมกันเป็นขั้นตอน แบ่งหน้าที่กันทำโดยมีเป้าหมายให้ผู้ถูกร้องที่ 5 เข้าถึงการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ เพื่อให้ผู้ถูกร้องที่ 5 ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรายอื่น

จึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกร้องที่ 24, 25 และ 26 จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 77 (1) และผู้ถูกร้องที่ 5 ได้รับเงินทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด เพื่อลงสมัครรับเลือก หรือไม่ลงสมัครรับเลือกเพื่อประโยชน์แก่ผู้สมัครผู้ใดและเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อเลือกหรืองดเว้น ไม่เลือกผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 79 และมาตรา 81ของกฎหมายเดียวกัน  ซึ่งการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 5 และผู้ถูกร้องที่ 24 - 26 เป็นการทุจริต การเลือก ทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 62 และรัฐธรรมนูญ มาตรา 226 ทั้งนี้ ตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ ลต. สว 1/2568 คดีหมายเลขแดงที่ ลต.สว 47/2568 ลงวันที่ 5 ส.ค.68

คดีนี้มีผู้ถูกร้องซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศกลุ่มที่ 7 รวม 23 ราย และบุคคลผู้ไม่ใช่ผู้มีสิทธิ์เลือกสมาชิกวุฒิสภาอีก 3 ราย ซึ่งกกต.ได้แยกลงมติเฉพาะผู้ถูกร้องที่ 5 และผู้ถูกร้องที่ 24-26 ส่วนผู้ถูกร้องที่เป็นผู้มีสิทธิ์เลือก สว.อีก 22 ราย กกต.ได้สั่งแยกให้ไปทำการไต่สวนเป็นอีกสำนวนหนึ่ง โดยให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 4 ส่วนกลางซึ่งเป็นคณะเดิมดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติมให้สิ้นกระแสความ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง