เท่าพิภพ ขอตระบัดสัตย์ ทำภารกิจเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน โหวต “ณัฐพงษ์” เป็นนายกฯ

เท่าพิภพ ขอตระบัดสัตย์ ทำภารกิจเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน โหวต “ณัฐพงษ์” เป็นนายกฯ

View icon 94
วันที่ 30 ธ.ค. 2568 | 09.22 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เท่าพิภพ เผย ตัดสินใจแค่เสี้ยววินาที จำเป็นต้องตระบัดสัตย์ ทำภารกิจเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน โหวต “ณัฐพงษ์” เป็นนายกฯ ด้าน แกนนำ ยอมรับ เหตุการณ์กระทบพรรค  แต่สะท้อนความจริงใจ เมื่อเกิดเรื่องก็เปลี่ยนตัวผู้สมัครทันที

วันนี้ (30 ธ.ค.68) นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เดินทางไปที่อาคารกีฬาเวสน์ สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น ดินแดง พร้อมด้วย นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน และน.ส.พรรคณิกา วานิช เพื่อยื่นเอกสารลงสมัคร สส. กทม.เขต 33 แทนนายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ ที่ถูกออกหมายจับคดีฟอกเงิน

โดย นายเท่าพิภพ ระบุว่า เมื่อวาน (29 ธ.ค.68) ที่ประชุมสมาชิกพรรคประชาชน มีมติเอกฉันท์ ไว้วางใจให้ตนลงสมัครในเขตนี้ โดยภารกิจนี้เป็นภารกิจของพรรคประชาชนที่จะขอความเชื่อมั่น และความไว้วางใจจากประชาชนกลับคืนมา เมื่อพรรคเห็นว่าตนมีความเหมาะ ตนก็พร้อมที่จะทำหน้าที่นี้ และการตัดสินใจครั้งนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ยืนยันว่ามุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน

เมื่อถามว่า ที่เคยประกาศไปแล้วว่าจะไม่ลงเล่นการเมืองอีก จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูว่ากลับคำพูด นายเท่าพิภพ ย้ำว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นความจำเป็นที่ตนจะต้องกลับมา เพื่อรับบทบาทผู้แทนราษฎรอีกครั้ง สังคมสามารถตำหนิว่าตนเองตระบัดสัตย์ก็ได้ แต่ยืนยันว่าการกลับมาครั้งนี้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ต้องการเข้าไปยังสภาเพื่อโหวตให้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชน

ด้าน นายพิจารณ์ กล่าวถึงกระแสหลังจากพรรคเลือกให้นายเท่าพิภพลงสมัครว่า กระบวนการนี้เป็นการยืนยันว่า พรรคไม่ต้องการปกป้องใคร เมื่อพรรคเข้าไปเป็นรัฐบาล มีส้มไม่มีเทา ไม่ใช่แค่สโลแกน แต่เป็นการกลั่นกรองเพื่อเป็นการยืนยันว่า พรรคประชาชนจะดำเนินการอย่างที่ประกาศไว้

นายพิจารณ์ เปิดเผยด้วยว่า นอกจากนายเท่าพิภพแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่เสนอตัวลงสมัคร แต่ภายใต้กรอบระยะเวลาที่จำกัดก่อนจะปิดรับสมัครในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ กลัวว่ากรรมการคัดเลือกจะไม่มีเวลาเพียงพอในการตรวจสอบและพิจารณาผู้สมัครคนอื่นๆ  จึงได้มีมติเสนอชื่อนายเท่าพิภพให้ที่ประชุม ทำไพรมารีโหวตไปเมื่อวานนี้ เนื่องจากนายเท่าพิภพ ผ่านการเป็น สส. มาแล้วย่อมไม่มีคุณลักษณะต้องห้าม และไม่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบนานกว่าคนอื่น ซ้ำยังเคยทำงานด้วยกันมานานก็จะเข้าใจวิธีการทำงานของพรรคประชาชนเป็นอย่างดี

ส่วนปัญหานี้จะกระทบกับแคมเปญ “มีเราไม่มีเทา” หรือไม่ ตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ แต่อยากให้ประชาชน พิจารณาถึงความจริงใจของพรรค เมื่อผู้สมัครมีความเคลือบแคลงใจก็ต้องมีการเปลี่ยนตัวทันที เช่นเดียวกันถ้าพรรคประชาชนได้เข้าไปเป็นรัฐบาล ก็จะต้องมีการตรวจสอบลักษณะเดียวกันนี้อย่างเข้มข้นกับรัฐมนตรีทุกคน

ส่วนกรณีที่บริษัทรับติดตั้งป้ายหาเสียงของพรรคประชาชนไปทำลาย หรือติดป้ายทับป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย นั้น นายพิจารณ์ ยืนยันว่า ได้กำชับไปยังผู้สมัครทุกคนทั่วทั้งประเทศแล้ว ทุกครั้งที่ลงพื้นที่ติดป้ายหาเสียงกับบริษัทผู้รับจ้างให้มีเจ้าหน้าที่ หรือตัวแทนของผู้สมัครติดตามไปด้วย เพื่อคอยตรวจสอบว่าการติดตั้งป้ายหาเสียงถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดหรือบดบังวิสัยทัศน์ในการจราจรหรือกระทบกับพรรคอื่นหรือไม่ ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการทำงานที่ขาดความระมัดระวัง จึงต้องขอโทษกับประชาชนและผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยด้วย แต่ยืนยันได้ว่าพรรคประชาชนไม่มีเจตนาเล่นการเมืองแบบนี้

ขณะที่ น.ส.พรรณิกา ยอมรับ เรื่องผู้สมัครถูกออกหมายจับกระทบกับแคมเปญ และการทำงานของพรรคประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากกราบขอโทษประชาชน ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจผู้สมัครเขตอื่นๆ ทั่วประเทศ ที่ต้องได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ และต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา ย้ำว่าแคมเปญ มีส้มไม่มีเทา ไม่ได้หมายถึงการขจัดคนชั่ว หรือคนดี แต่นี่เป็นระบบตรวจสอบการทุจริตคอรัปชัน และการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ให้อยู่ในรัฐบาลหรือในประเทศอีกต่อไป ยืนยันว่าหากพรรคประชาชนได้ตั้งรัฐบาล ผู้ที่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีหากมีข้อสงสัยหรือความเคลือบแคลงใจ ถึงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม พรรคประชาชนจะดำเนินการคัดชื่อออกทันที ไม่ว่าจะเป็นคนของพรรคประชาชนเอง หรือพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลก็ตาม

หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายเท่าพิภพ พร้อมด้วยนายพิจารณ์ และ น.ส.พรรณิกา เข้ายืนเอกสาร การสมัครทันที และได้หมายเลขเดิมที่นายนายบุญฤทธิ์ จับได้เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง