ชาวจีนรวมตัวประท้วงไม่พอใจมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดของทางการจีน ขยายวงกว้างขึ้น หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารมีผู้เสียชีวิต 10 คน โดยประชาชนมองว่า มาตรการล็อกดาวน์ทำให้ผู้พักอาศัยไม่สามารถหนีออกมาได้ ขณะที่ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศ ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 39,791 คน
วันนี้ (27 พ.ย. 65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การรวมตัวประท้วงของประชาชนที่ไม่พอใจมาตรการเข้มงวดโควิด-19 ของรัฐบาลจีน ขยายวงกว้างออกไปยังหลายเมืองทั่วประเทศ รวมทั้งที่นครเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของจีน หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารสูงแห่งหนึ่ง ที่เมืองอุรุมชี ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เมื่อวันพฤหัสบดี (24 พ.ย. 65) ที่ผ่านมา ซึ่งอาคารบางส่วนอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ และทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน โดยประชาชนจำนวนมากมองว่า มาตรการล็อกดาวน์ทำให้ผู้พักอาศัยไม่สามารถหนีออกมาได้ แต่ทางการยังคงปฏิเสธรายงานดังกล่าว
นอกจากนี้ เมื่อคืนวันเสาร์ (26 พ.ย. 65) ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ประชาชนในนครเซี่ยงไฮ้ ออกมารวมตัวกันจุดเทียนไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ในเมืองอุรุมชี แต่เหตุการณ์บานปลายกลายเป็นเหตุประท้วง เพื่อให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" ลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่ เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนที่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน เมื่อวานนี้ มีประชาชนออกมารวมตัวกันนอกอาคารที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่ง ในเขตเฉาหยาง โดยมีการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ และไม่ยอมเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อประท้วงคำสั่งล็อกดาวน์ หลังพบผู้ติดเชื้อ 1 คน ในอาคารที่อยู่อาศัย ซึ่งประชาชนมองว่าเป็นมาตรการที่กระทำเกินกว่าเหตุ
ด้านคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน รายงานว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 39,791 คน ซึ่งนับเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันแล้วที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อในกรุงปักกิ่ง, เขตเทศบาลนครฉงชิ่ง และเมืองกว่างโจว
