สนามข่าว 7 สี - เยาวชนชายอายุ 17 ปี ไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จากนั้นได้ไปเห็นกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกัน ก่อนจะถูกพูดจาหาเรื่อง และชกต่อยเข้าที่ใบหน้าหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บ
จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Social Hunter Reborn V3 ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า "เหตุเกิดที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.30 น. วัยรุ่นชายคนหนึ่งไปวิ่งออกกำลังกาย แล้วเจอกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันเอง จึงแกล้งยืนกดมือถือเพื่อที่จะดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ แต่จู่ ๆ วัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวซึ่งมากัน 5 คน ได้เดินเข้ามาหาเรื่อง ก่อนจะใช้สนับมือต่อยเข้าที่ใบหน้า 6-7 ครั้ง จากนั้นก็ชวนกันขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ล่าสุดผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความแล้ว แต่ยังตามจับไม่ได้"
ล่าสุดเยาวชนชายอายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช. วิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บ พร้อมด้วยหญิงอายุ 52 ปี มารดา เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาล ก่อนที่ตำรวจจะพาผู้บาดเจ็บไปชี้จุดจุดเกิดเหตุ ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์
โดยเขาเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเขาได้ไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง พอวิ่งเสร็จ เพื่อนได้มาหา จึงนัดเจอกันที่ศาลาที่พัก จากนั้นได้ไปเห็นกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 5 คน คล้ายกับกำลังทะเลาะกันอยู่ใกล้กับบริเวณที่เขานั่ง เขาที่เห็นท่าไม่ดี จึงแกล้งยืนเล่นโทรศัพท์อยู่ห่าง ๆ ก่อนที่ชายวัยรุ่นคนหนึ่งจะเดินปรี่เข้ามาหาเรื่อง และท้าชกต่อย ซึ่งเขาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ใช้สนับมือต่อยเข้าที่ใบหน้าของเขาจนล้มลง พอได้สติ เขาจึงพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น และใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิปวิดีโอวัยรุ่นไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ก่อนที่เพื่อนจะพามาส่งที่โรงพยาบาล ซึ่งเขาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและใบหน้า โดยแผลที่ตาด้านขวาต้องเย็บถึง 4 เข็ม นอกจากนี้ด้วยแรงของการชก ยังทำให้ท่อน้ำตาฉีดขาด ซึ่งเขายืนยันว่าไม่รู้จัก หรือไม่เคยมีเรื่องกับวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวมาก่อน หลังเกิดเหตุได้เข้าไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เพื่อให้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ขณะที่พันตำรวจเอก พัทฐกร ศาสนะสุพินธ์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งจากผู้บาดเจ็บ จากการสอบถามเบื้องต้นเจ้าตัวยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน และมาสามารถจำใบหน้ารูปพรรณผู้ก่อเหตุได้มากนัก ซึ่งขณะนี้ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข้อมูล และเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดภายในสวนสาธารณะ ก่อนตรวจสอบว่าเคยทะเลาะกันมาก่อนหรือไม่ หรืออาจจะทะเลาะกันในช่วงนั้น
นอกจากนี้ยังเช็กไปยังกลุ่มบุคคลที่เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ซึ่งคาดว่าผู้ที่ก่อเหตุน่าจะเป็นวัยรุ่นในพื้นที่ และจะสามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีได้ในเร็ว ๆ นี้
