วันนี้ (12 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีช้างในปางช้างมีชัย ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ล้ม (เสียชีวิต) โดยสัตวแพทย์จากโรงพยาบาลช้าง จ.ลำปาง ได้เดินทางมาทำการรักษา แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้
นายชัยวศิน พิสินธ์ ควานช้างปางช้างมีชัย เปิดเผยว่า เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ช้างพลายตัวหนึ่งของปางช้างอายุ 20 ปี เกิดอาหารป่วย ท้องอืด เนื่องจากกินอาหารที่นักท่องเที่ยวนำมาให้ช้างกิน ซี่งทราบภายหลังว่า อาหารที่นักท่องเที่ยวนำมาให้ช้างนั้นมีสารเคมีเจือปนอยู่ หรือผลไม้ เช่น กล้วยที่บ่มก๊าซ ทางเจ้าของปางช้างจึงได้ประสานกับสัตวแพทย์จากโรงพยาบาลช้าง จ.ลำปาง เพื่อให้เดินทางมารักษา แต่สุดท้ายไม่สามารถรักษาได้ ช้างพลายจึงล้มในเวลาต่อมา
ด้าน นายนายศักดิ์ชัย ขนรกุล เจ้าของปางช้างมีชัย เปิดเผยว่า ช้างพลายตัวนี้ ทางปางเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ซึ่งมีอาการป่วยจากการกินอาหารที่นักท่องเที่ยวซื้อมาให้ เช่น กล้วย ซึ่งซื้อมาจากตลาดสด มักจะมีการบ่มก๊าซ ทำให้ช้างเมื่อกินไปจะเกิดอาการท้องอืด และอาหารไม่ย่อย ซึ่งช้างพลายตัวนี้ไม่เคยมีอาการป่วยมาก่อน เมื่อเกิดอาการดังกล่าวขึ้น จึงได้ประสานสัตวแพทย์จากโรงพยาบาลช้าง จ.ลำปาง มาช่วยทำการรักษาตั้งแต่ต้น แต่ไม่สามารถรักษาได้ กระทั่งช้างล้มเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา ซึ่งผลไม้ เช่น กล้วยหอม กล้อยไข่ จะมีการบ่มก๊าซ และนักท่องเที่ยวมักจะซื้อจากตลาดสด ซึ่งทางปางช้างได้แจ้งขอความร่วมมือไว้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเข้าใจ
สำหรับช้างเชือกดังกล่าว รู้สึกรักและผูกพัน และเราต้องเลี้ยงเขาให้ดี ให้มีความสุข ซึ่งอาหารที่เขากิน เช่น อ้อย หรือกล้วย เขาชอบมมากเขาจะกินก่อน ซี่งช้างที่ล้มไปมีมูลค่ามากถึง 4-5 ล้านบาท โดยมีกลุ่มที่ต้องการขอซื้อซาก 1 แสนบาท แต่เราไม่ขาย และจะทำพิธีฝังร่างของเขาในวันนี้
ขณะที่นายสัตวแพทย์ภัคพงศ์ สังข์วิเศษ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์พัฒนา จ.ลำปาง กล่าวว่า อยากให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว หรือผู้ที่จะนำอาหารมาให้ช้าง ซึ่งช้างจะกินอาหารหยาบ เช่น ใบไม้ หญ้า อ้อย กล้วย เป็นหลัก ส่วนอาหารอื่นๆ เช่น แตงโม แตงกวา หรือผลไม้อื่นๆก็กินได้ แต่ไม่ใช่อาหารหลักของเขา ส่วนช้างที่ล้มตัวนี้ เกิดจากปัญหาทางเดินอาหาร ท้องอืด อาหารไม่ย่อย แม้จะได้รับการรักษาด้วยวิธีการแบบโรงพยาบาลช้าง ทั้งเรื่องการส่องกล้อง การล้วงทางเดินอาหาร แต่ยังไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ซี่งไม่ใช่เรื่องการมาช้าหรือมาเร็ว จึงขอให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่จะนำอาหารมาบริจาคให้ช้าง ต้องหาความรู้ในเรื่องนี้ให้ดี เพื่อจะได้ไม่เกิดความสูญเสียขึ้น
