วันนี้มีอะไร : เริ่ม 1 เมษายน นี้ ไม่จ่ายค่าปรับ-ใบสั่ง ไม่ได้ป้ายภาษี

View icon 15
วันที่ 31 มี.ค. 2566 | 06.13 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - วันนี้ไม่มีอะไรคุณผู้ชม แต่พรุ่งนี้มีแน่นอน ถ้าหากผู้ที่ขับขี่รถยนต์ทุกประเภท ยังไม่รีบเช็กใบสั่งค้างชำระ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษยนนี้ หากเพิกเฉย การต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้ใบแทนภาษีชั่วคราวซึ่งใช้ได้ 30 วัน แต่หากพ้น 30 วัน จะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท พร้อมตัดแต้มความประพฤติในการขับรถ ไปติดตามรายละเอียดในวันนี้มีอะไร

ภายหลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก ร่วมกันกวดขันวินัยการขับขี่ บังคับใช้มาตรการตามกฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 2 มาตรการ คือการตัดคะแนนความประพฤติ โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการชะลอการออกเครื่องหมาย แสดงการเสียภาษี สำหรับรถที่มีใบสั่งค้างชำระ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้น ในส่วนของมาตรการชะลอเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจะใช้กับรถยนต์ที่มีใบสั่งจราจรที่ค้างชำระ ซึ่งเพิกเฉยไม่ชำระค่าปรับตามที่กำหนด

โดย สตช. จะส่งข้อมูลออนไลน์ไปยังนายทะเบียนขนส่งทางบก เมื่อประชาชนไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปี นายทะเบียนจะรับต่อภาษีประจำปี แต่ยังไม่ได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี โดยจะได้หลักฐานชั่วคราวแทนป้ายภาษี ซึ่งมีอายุ 30 วัน เพื่อให้ไปชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน จึงสามารถมารับป้ายภาษีได้ แต่หากประชาชนต้องการจะชำระค่าปรับในขณะต่อภาษี กฎหมายกำหนดให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้นายทะเบียนสามารถรับชำระค่าปรับตามใบสั่งพร้อมกับชำระภาษี และรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีได้ทันที

สามารถตรวจสอบใบสั่งค้างจ่าย และชำระผ่านออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่เว็บ ptm.police.go.th ตามขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การลงทะเบียนโดยใช้หมายเลขบัตรประชาชน ใบขับขี่ หรือ เลขทะเบียนรถ และกำหนดรหัสผ่าน จากนั้นค้นหาใบสั่งโดยระบุวันที่กระทำผิด ระบบจะแสดงใบสั่งที่เคยได้รับ จากนั้นสามารถชำระค่าปรับออนไลน์ได้เลย

คุณผู้ชมอย่าชะล่าใจ เพราะการขับรถโดยไม่มีป้ายภาษี จะมีโทษตาม พ.ร.บ.รถยนต์ มาตรา 11 มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ถูกตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ 1 คะแนน สำหรับมาตรการนี้คาดว่าจะสามารถคุมเข้มให้ผู้ใช้รถมีจิตสำนึก ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อลดอุบัติเหตุ ป้องกันความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่นนั่นเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง