ชาวบ้านริมแม่น้ำนีเปอร์ ทั้งในฝั่งที่รัสเซียและฝั่งที่ยูเครนควบคุมอยู่ ยังคงเร่งอพยพออกจากบ้านเรือนของตนเอง หลังเขื่อนในยูเครนแตกจากแรงระเบิดของสงคราม ขณะที่ระดับน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้นเกือบถึงหลังคาของบางหมู่บ้าน
วันนี้ (8 มิ.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประชาชนอาสาสมัครในภูมิภาคเคียร์ซอน ทางตอนใต้ของยูเครน เข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยต่าง ๆ เพื่ออพยพประชาชนออกจากบ้านเรือนที่อาศัยอยู่ในจุดเสี่ยงภัยน้ำท่วม หลังเขื่อนหลักที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอดีตสหภาพโซเวียต ที่เมืองโนวาคาเคฟกา ของภูมิภาคเคียร์ซอน เพื่อกั้นแม่น้ำ “นีเปอร์” หรือ “ดนีโปร” แตกเสียหายอย่างหนักจากแรงระเบิด เมื่อวันอังคาร (6 มิ.ย. 66) ที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำมหาศาลไหลทะลักลงมา
ขณะที่ทางการยูเครนระบุว่า จากเหตุน้ำท่วมทำให้ประชาชนหลายแสนคนไม่มีน้ำสะอาดใช้ และพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง รวมทั้งอาจทำให้พื้นที่การเกษตรในเขตชลประทานกว่า 3 ล้านไร่ กลายเป็น "ทะเลทราย"
นอกจากนี้ น้ำปริมาณมากที่ไหลลงมาปลายน้ำอย่างรวดเร็วยังส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ ทำให้มีปลาจำนวนมากเกยตื้นตายริมชายฝั่งบริเวณเขื่อนคาเคฟกา เนื่องจากปลาว่ายน้ำยังบริเวณน้ำลึกไม่ทัน ซึ่งเขื่อนดังกล่าวเคยกักเก็บน้ำราว 18,000 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร
ขณะที่ ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยว่า ขณะนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์ได้ว่า มีประชาชนในเขตที่รัสเซียควบคุมอยู่เสียชีวิตจากน้ำท่วมมากเท่าใด พร้อมร้องขอให้ประชาคมโลกเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเร็ว พร้อมกล่าวหาว่าฝ่ายรัสเซียละทิ้งประชาชน
ขณะเดียวกัน มีการเผยภาพขณะชาวเมืองในเขตที่รัสเซียควบคุมอยู่ พายเรือเข้าไปสำรวจความเสียหายของบ้านเรือนตนเอง ซึ่งบางหมู่บ้านมีน้ำท่วมจนเกือบถึงหลังคาบ้าน และบ้านบางส่วนพังถล่มลงมา โดยชาวบ้านเปิดเผยว่า ในเวลาเพียง 15 นาที น้ำไหลเข้าท่วมชั้นใต้ดินจนมิด ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาเตรียมตัวอพยพได้ทันการณ์
