มาเฟียแท็กซี่ ห้ามรับผู้โดยสาร ขู่ทำร้าย

View icon 86
วันที่ 9 ก.พ. 2567 | 16.01 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - กร่างกลางกรุง! โชเฟอร์แท็กซี่จอดรับผู้โดยสาร เจอมาเฟียเข้ามาห้ามไม่ให้รับ อ้างตรงนี้มีวินแท็กซี่ประจำ ก่อนล้อมรถ พยายามทำร้ายร่างกาย

คลิปนี้โชเฟอร์แท็กซี่ผู้เสียหายถ่ายไว้ ขณะขับมารับผู้โดยสารแถวถนนรัชดา จู่ ๆ เจอชาย 2 คน คนหนึ่งรูปร่างผอม ถอดเสื้อ คนหนึ่งรูปร่างท้วม เข้ามาสั่งห้ามไม่ให้รับ อ้างว่าตรงนี้เป็นที่ส่วนบุคคล มีวินแท็กซี่ประจำ โชเฟอร์คนนี้ก็โต้กลับว่านี่เป็นถนนสาธารณะ แท็กซี่ทุกคันสามารถรับผู้โดยสารได้ จากนั้นชายทั้ง 2 คน ไม่พอใจ เข้าล้อมรถ แล้วพยายามเปิดประตูรถเข้ามาทำร้าย ก่อนโชเฟอร์แท็กซี่คนนี้จะรีบล็อกประตู แล้วโทรหาตำรวจ

คลิปนี้ถูกโพสต์ในเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ระบุข้อความว่า "ตรงนี้มีขาใหญ่เหรอ แท็กซี่ถึงเข้ามารับผู้โดยสารไม่ได้ ผู้เสียหายเข้ามารับผู้โดยสารในซอยเกิดเหตุ ชาย 2 คนอ้างว่าเข้ามารับไม่ได้ เพราะเป็นวินแท็กซี่ประจำ ลูกค้าบอกข้างทางหน้าโกลเด้นโดมรัชดา 18 มีพวกมาเฟียมาล้อมรถไว้ พยายามจะทำร้ายร่างกายผม ปิดและเปิดประตูรถผม ผมล็อกรถก็พยายามดึงรถผมครับ"

ล่าสุด ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.สุทธิสาร แล้ว พร้อมเปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้ตนเองรับผู้โดยสารคนหนึ่งมาส่งแถวซอยรัชดา 18 ขากลับ มีผู้โดยสารชาวจีนอีกคน โบกรถแล้วส่งแผนที่ให้ ดูว่าจะไปตรงไหน จู่ ๆ มีชาย 2 คน เข้ามาห้าม บอกว่าไม่ให้รับ ก่อนโต้เถียงกันตามคลิป

และอีกฝั่งพยายามเข้าทำร้ายร่างกาย จนตนต้องขับรถหนีออกมา โดยไม่ได้รับผู้โดยสารชาวจีนดังกล่าวขึ้นรถ เพราะกลัว ก่อนเข้าแจ้งความ แต่หลังแจ้งความก็ไม่จบ เพราะอีกฝ่ายพยายามให้คนกลางติดต่อมาขอเคลียร์ ขอจับมือขอโทษ ให้ถอนแจ้งความ แต่ตนไม่ยอม

เบื้องต้นตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหาย และประสานเชิญตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุเข้ามาสอบสวน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ล่าสุดช่วง 14.00 น.ที่ผ่านมา ชายที่ก่อเหตุทั้งคู่เข้าพบตำรวจแล้ว พร้อมยกมือขอโทษผู้เสียหาย และยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่มาเฟีย และไม่มีวินแท็กซี่ประจำ แต่ที่เกิดการปะทะคารมกัน เพราะแค่อยากให้คู่กรณีขยับรถ เพราะในซอย ถนนค่อนข้างแคบ มีรถเข้า-ออกตลอดเวลา อ้างว่าตนและเพื่อนอีกคนไม่ได้ล้อมรถ หรือจะทำร้ายคู่กรณีแต่อย่างใด พร้อมยันในซอยดังกล่าว รถทุกชนิดสามารถรับผู้โดยสารได้

เบื้องต้นทั้งสองฝ่ายพูดคุยจนเข้าใจกันดี ทางผู้เสียหายจึงไม่ประสงค์เอาผิดคู่กรณีแล้ว จบลงด้วยดี