"บิ๊กต่อ" ตั้งทนายฟ้อง "ทนายตั้ม" ขอบคุณเปิดโอกาสให้พิสูจน์ความจริงในศาล

"บิ๊กต่อ" ตั้งทนายฟ้อง "ทนายตั้ม" ขอบคุณเปิดโอกาสให้พิสูจน์ความจริงในศาล

View icon 81
วันที่ 29 มี.ค. 2567 | 14.37 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ขอบคุณทนายตั้ม “บิ๊กต่อ” ตั้งทนายฟ้อง “ทนายตั้ม” หมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท พร้อมขอบคุณตั้มเปิดโอกาสให้พิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาล ยืนยันข้อมูลตั้มเป็นเท็จ มั่นใจหลังจากนี้ไม่มีไกล่เกลี่ยถอนฟ้องแน่นอน

"บิ๊กต่อ" วันนี้(29 มี.ค.2567) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย นายศิริพงษ์ พงศ์พันธุ์สุข อดีตอัยการศาลสูงภาคหนึ่ง ในฐานะหัวหน้าชุดทนายความของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ “บิ๊กต่อ” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายื่นฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ กล่าวว่า ได้รับหนังสือมอบอำนาจจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้จัดหาทีมทนายความและแถลงข่าวเรื่องส่วนตัว โดยแต่งตั้ง นายศิริพงษ์ พงศ์พันธุ์สุข อดีตอัยการศาลสูงภาคหนึ่ง เป็นหัวหน้าชุดทีมทนายฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาทกับทนายตั้ม เบื้องต้นศาลรับไต่สวนมูลฟ้อง ในวันที่ 10 มิถุนายน เวลา 13:30 น.โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะเดินทางมา ไต่สวนมูลฟ้องนัดแรกด้วยตัวเอง

ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บอกกับตัวเองว่า การที่ทนายตั้มออกมาพูดเรื่องดังกล่าวถือเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงกันในชั้นศาล ซึ่งถ้าพิสูจน์ได้ว่ามีความผิดจริงก็ยินดีจะรับผิดชอบตามกระบวนการยุติธรรม นอกจากนั้นยังยินดีที่จะเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงตามกระบวนการหลังจากทนายตั้มยื่นเรื่องให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบตัวเอง และ ยินดีจะให้ข้อมูลกับชุดตรวจสอบของนายกรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย

ส่วนการฟ้องร้องครั้งนี้ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการฟ้องร้องเพื่อแก้เกี่ยว เพื่อเข้าสู่การพูดคุยนอกรอบ ยืนยันว่าจะไม่มีการต่อรองไกล่เกลี่ยเพราะ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ต้องการพิสูจน์ความจริง นอกจากฟ้องร้องคดีอาญายังฟ้องร้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาทด้วย

ส่วนหลักฐานเรื่องเส้นเงินที่ทนายตั้มนำมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ มีการใช้ตำรวจและเจ้าหน้าที่เขต และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ไปล้วงข้อมูลส่วนตัวทะเบียนราษฎร์ ของ ผบ.ตร.และครอบครัว มีข้อมูลว่าเจาะเข้าไปดูข้อมูลของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ 20 ครั้ง ส่วนภรรยาโดนส่องสำรวจข้อมูลถึง 40ครั้ง รวมถึงเข้าไปในระบบเพื่อดูข้อมูล พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติท่านอื่นด้วย ตั้งแต่ช่วงปี2566-2567 จึงเชื่อว่าเรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐทำงานกันเป็นขบวนการ เพื่อให้ได้ข้อมูลเหล่านี้มา

ส่วนที่ทนายตั้มด้อยค่าตัวเองเรื่องของการแพ้คดี ฟ้องร้องหมิ่นประมาทถึง 6 ครั้ง นายอัจฉริยะบอกว่า ทนายตั้มพูดข้อมูลไม่หมด ก่อนหน้านี้มีการฟ้องร้องคดีกันถึง 25 คดี และบางคดียังไม่ถึงที่สุดยังอยู่ในชั้นอุทธรณ์ ส่วนนายศิริพงษ์ที่เป็นหัวหน้าชุดทนายความให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่ตัวเองเคยฟ้องร้องกันก่อนหน้านี้

ส่วนกรณีที่ทนายตั้ม ชวนให้ตัวเองอยู่ทีมเดียวกันในการตรวจสอบทุจริตการรับส่วย นายอัจฉริยะบอกว่า ถ้ามาโดยการสุจริตโปร่งใสก็ยินดี แต่จากที่ได้ยินมาเป็นข้อมูลเลื่อนลอยไม่มีหลักฐาน ทำให้ผบ.ตร.ได้รับความเสียหาย

ด้านนายศิริพงษ์ ทนายความบอกว่า จากหลักฐานที่ทนายตั้มนำมาแถลงไม่มีข้อมูลอะไรเลยเป็นเพียงการสร้างหลักฐานเท็จ หากมีข้อมูลจริงก็ควรไปแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาแล้ว ขณะเดียวกันหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็ยอมรับ

สำหรับการได้มาของข้อมูลหากได้มาโดยมิชอบจะถือว่าเป็นโมฆะหรือไม่ ทนายความบอกว่า ต้องพิสูจน์ก่อน  ซึ่งหากพบว่าข้อมูลที่นำมาเปิดเผยและให้ตรวจสอบ เป็นข้อมูลโดยมิชอบ ตามหลักทางกฎหมายแล้วก็ไม่สามารถใช้ในการดำเนินคดีใด ๆ ได้ ต้องไปขอหลักฐานใหม่ จากเจ้าหน้าที่รัฐอย่างถูกต้องก่อน

ทนายความบอกว่า หลังจากที่พูดคุยกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ลูกความไม่มีความกังวลยืนยันว่าข้อมูลที่ทนายตั้มได้มาเป็นข้อมูลเท็จจึงตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดี เพราะมั่นใจในพยานหลักฐานว่าจะสามารถต่อสู้คดีได้