พ่อเลี้ยงเดี่ยวถูกหักเงินเดือน จนติดลบ พร้อมเพื่อนบริษัทเดียวกันอีก 2 คน เข้ายื่นคำร้องอีก

พ่อเลี้ยงเดี่ยวถูกหักเงินเดือน จนติดลบ พร้อมเพื่อนบริษัทเดียวกันอีก 2 คน เข้ายื่นคำร้องอีก

View icon 262
วันที่ 4 เม.ย. 2567 | 13.23 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
คืบหน้า พ่อเลี้ยงเดี่ยวถูกหักเงินเดือน จนติดลบ พร้อมเพื่อนบริษัทเดียวกันอีก 2 คน เข้ายื่นคำร้องต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอคืนเงินจากนายจ้างหลังถูกหัก-ปรับตามกฎบริษัทไม่ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน

วันนี้ 4 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า จากกรณีวานนี้ พ่อเลี้ยงเดี่ยววัย 30 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกนายจ้าง ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาติดตั้งอินเทอร์เน็ต หักเงินเดือน แบบไม่เป็นธรรม จากเงินเดือน 15,000 บาท หัก 16,127 บาท ซึ่งติดลบต้องจ่ายเพิ่มอีก 1,127 บาท

ล่าสุด วันนี้ นายเอ พ่อเลี้ยงเดี่ยววัย 30 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ พร้อมเพื่อนอีก 2 คน อายุ 29 ปี และอายุ 26 ปี เดินทางมาที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ภายในศาลากลาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเขียนใบคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เพื่อขอคืนเงินที่นายจ้างหักไปอย่างไม่เป็นธรรม 

โดยทางผู้เสียหายคือ นายบี อายุ 29 ปี เล่าว่า เขาได้ทำงานที่บริษัทดังกล่าว 1 ปี ทุกวันนี้ก็จะเข้างานปกติ มีสายบ้าง ก็ถูกหักครั้งละ 100 บาท ขาด-ลา ก็จะถูกหักวันละ 1,000 บาท ที่สำคัญ ตนเองเคยขับรถยนต์ของบริษัทไปทำงาน แต่ถูกเฉี่ยวชน ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้เป็นฝ่ายผิด เมื่อรถยนต์ซ่อมเสร็จ ต้องเสียค่าซ่อม 17,000 บาท ทางบริษัทได้มาเรียกเก็บกับตนเอง และเพื่อนพนักงาน หารกัน 4 คน ให้ช่วยกันจ่าย

ซึ่งพวกตนเองก็ทนรับกับสภาพมาตลอด ไม่เคยปริปากบ่น เพราะช่วงนั้นงานหายาก มีการแพร่ระบาดของโควิด จึงต้องทนรับสภาพกันมาตลอด แม้กระทั่งตกเสาแขนหัก มีใบรับรองแพทย์ แต่ก็พักไม่ครบตามที่แพทย์สั่ง ต้องกลับมาทำงานต่อ ไม่งั้นไม่ได้เงินค่าจ้าง ไปทำงานทุกวัน แม้แต่น้ำก็ต้องซื้อกันเอง แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่ตนตัดสินใจลาออก คิดว่าจะต้องไปตายเอาดาบหน้าคือ ขอลากิจสำคัญ เพื่อไปทำธุระ แต่ทางบริษัทไม่ให้ลา ตนเองจึงตัดสินใจลาออกเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งการลาออกครั้งนี้นั้น ก็ไม่ได้เงินค่าประกันช่างคืน จำนวน 6,000 บาท เพราะทางบริษัทอ้างว่า ต้องแจ้งก่อนล่วงหน้าถึงจะจ่ายเงินให้ได้

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ที่ผ่านมา ทำไมไม่ไปร้องเรียน หรือ ออกมาเรียกร้อง นายบี เผยว่า เคยปรึกษาเพื่อน แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนที่ไหน และหากร้องเรียนก็ต้องรวมกลุ่มกัน ดังนั้น จึงปล่อยเลยตามเลย จนกระทั่งนายเอ ออกมาโพสต์ และออกมาเรียกร้อง ประกอบกับสงสารนายเอ ที่ถูกหักเงิน จนไม่เหลือค่านมลูก จึงออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับตัวเอง 

ขณะที่ทางด้านนาย ซี อายุ 26 ปี หนึ่งในอดีตพนักงานบริษัทดังกล่าว เป็นคนต่างจังหวัดที่มาหางานทำที่จังหวัดเชียงใหม่ เล่าว่า ได้เริ่มทำงานกับบริษัทดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 และได้ลาออกเมื่อเดือนเมษายนปี 2566 เนื่องจากว่า ทนไม่ไหว เพราะทุกหักทุกอย่าง ทุกเดือน ไม่เคยรับเงินเดือนเต็ม แม้แต่บาทเดียว โดยเฉพาะสิ่งที่เขามองว่าไม่เป็นธรรมกับเขา คือ ก่อนหน้านั้นวันหยุดของตนเอง ต่อมารุ่งเช้า เข้ามาทำงานเบิกอุปกรณ์ไปใช้ในไซต์งาน ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวมีทีมที่ทำงานก่อนหน้า นำไปใช้แล้ว แต่เมื่อเขาจะนำมาใช้ต่อ มันเสียไม่สามารถใช้งานได้ จึงติดต่อไปที่แอดมิน และแจ้งเรื่องปรากฏว่า เขาถูกหักค่าอุปกรณ์เสีย ส่งซ่อมหมดไป  17,000 บาท ต้องหารกัน  4 คน

ประกอบกับที่ผ่านมา ตนไปทำงานปวดแขนแล้วไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนหมดไปสองพันกว่าบาท ติดต่อแอดมินบริษัทขอเบิกค่ารักษาพยาบาล แอดมินแจ้งว่าเบิกไม่ได้ เพราะตนเองไปโรงพยาบาล ไม่แจ้งแอดมินก่อน ทำให้ตนเองตัดสินใจลาออก และกลับไปทำงานที่บ้านเกิดในจังหวัดสกลนคร จนถึงทุกวันนี้ค่าเงินประกันช่างที่บริษัทบอกว่าจะคืนให้ ภายใน 1 ปี ก็ยังไม่ได้รับแม้แต่บาทเดียว เมื่อเห็นข่าวนายเอ เพื่อนร่วมงานที่ออกมาเรียกร้อง ตนเองซึ่งเป็นหนึ่งผู้เสียหายจึงต้องการมาเรียกร้องความเป็นธรรมร่วมกับเพื่อนและให้เพื่อนๆคนอื่นที่กำลังประสบปัญหาเดียวกัน ถึงแม้ว่าเงิน 6,000 บาท ค่าประกันช่างตนเองจะไม่ได้ก็ตาม ถือว่าทำเพื่อทุกคน ที่ถูกเอาเปรียบ

ส่วนทางด้านนายสุวรรณ สวัสดิ์พูล  สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว พบความผิดปกติหลายอย่าง แม้กระทั่งเรื่องการนำจ่ายประกันสังคมของลูกจ้างที่บริษัทดังกล่าว ได้มีการหักเงินลูกจ้างเพื่อจ่ายประกันสังคม มาตรา 33 ไว้ 750 บาท  และทางบริษัทต้องสมทบอีก 750 บาท ตามหลักประกันสังคม แต่มีการตรวจพบว่าทางบริษัทจ่ายประกันสังคมให้กับลูกน้องเพียง 1-2 ร้อยเท่านั้น ทำให้ลูกน้องต้องลาออก และไปส่งมาตรา 39 เอง ซึ่งจะเสียเพียง 432 บาท ถูกกว่าบริษัทให้ ซึ่งตามกฎหมายแรงงานนั้นทำไม่ได้

ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสอบเรื่องนี้ควบคู่ไปด้วย ส่วนประเด็นอื่นๆนั้นเรื่องการหักเงินจนติดลบนั้น ถือว่าเป็นการหักที่ผิด ไม่ถูกต้องตามมาตร 76  ซึ่งทางสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ หลังมีการรับคำร้องจากลูกจ้างแล้ว ก็จะดำเนินการยื่นหนังสือไปยังบริษัทดังกล่าว เพื่อขอไกล่เกลี่ยเจราให้คืนเงินให้กับลูกจ้าง ก่อนที่ได้หักไป เพื่อให้เขานำไปยังชีพก่อน และอาจมีการสอบประเด็นอื่นๆเพิ่มทั้งการทำงานล่วงเวลาไม่ได้รับเงิน  วันหยุดนักขัตฤกษ์ ไม่ได้ค่าแรงสองเท่า ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีหนังสือให้มีการปรับการทำงานและการจ่ายค่าจ้างล่วงเวลาตามที่กฏหมายแรงงานกำหนด เพื่อให้ลูกจ้างได้รับสิทธิที่ถูกต้องตามกฏหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง