หนุ่มร้อง! พี่ชายถูกตร. วิสามัญผิดตัว หาว่าเป็นโจรลักสายไฟ

View icon 782
วันที่ 11 เม.ย. 2567 | 16.22 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เมื่อวานนี้มีเหตุตำรวจวิสามัญโจรนามสกุลดัง ที่ก่อเหตุขโมยของโรงงาน โดยตำรวจอ้างว่าถูกคนร้าย 4 คน ยิงใส่เจ้าหน้าที่ก่อน เลยยิงสวนกลับไป ทำให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย หลบหนีไปได้ 3 ราย ล่าสุด คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจรที่หลบหนีไปได้ ออกมาโต้ข่าวว่า สิ่งที่ตำรวจเล่าคือหนังคนละม้วนกับความเป็นจริง เรื่องจริงคือตนแค่ลงไปเยี่ยว แต่กลับถูกยิงแบบไม่ได้ตั้งตัวเลย

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 21.00 น. ได้มีคนร้าย 4 คน ลักลอบเข้ามาที่โรงงานเอทานอล หมู่ 13 บ้านหนองเหียง ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อเหตุลักลอบตัดสายไฟ หม้อไฟ ภายในโรงงาน ซึ่งโรงงานแห่งนี้ได้หยุดกิจการไปแล้ว ทาง รปภ.ได้พบเห็นจึงถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ รปภ.จึงรีบวิ่งออกนอกพื้นที่ และโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาหินซ้อน พอตำรวจมาถึง คนร้ายยิงปะทะกับตำรวจ และได้ใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะหลบหนี ไปทางด้านหลังโรงงาน

ต่อมาเช้าวันที่ 10 เมษายน เจ้าหน้าที่คาดว่า คนร้ายจะต้องย้อนกลับมาเอาสิ่งของอุปกรณ์ เครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการก่อเหตุ จึงทำการแอบเฝ้าติดตามอยู่ในพื้นที่โรงงาน กระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น. คนร้ายกลุ่มดังกล่าวได้ย้อนกลับมายังโรงงาน เพื่อมาเอาสิ่งของที่ได้ทำการขโมยไว้เมื่อคืน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม

แต่ 1 ในคนร้าย ได้ควักปืนออกมายิงต่อสู้ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องล่าถอยมาตั้งหลัก และยิงต่อสู้กัน โดย 1 ในคนร้ายได้ถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตกลงมาจากท้ายรถกระบะ ส่วนคนร้ายที่เหลือได้ทำการยิงเปิดทางจนสามารถหลบหนีไปได้

จากการตรวจสอบพื้นที่พบปลอกกระสุน ขนาด 9 มม. และปลอกกระสุนปืนลูกซองจำนวนหลายปลอก สำหรับศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือ นายอำพล ตันเจริญ อายุ 50 ปี เจ้าหน้าที่ได้ให้หน่วยกู้ภัยนำศพผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะจบลงด้วยการที่ตำรวจเป็นฮีโร วิสามัญโจรทำผิดกฏหมาย แต่ยังไม่จบแบบนั้น เมื่อมีชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า นายสมพงค์ ปิ่นแก้ว เป็นบุคคลที่ตำรวจอ้างว่าเป็นโจร 1 ใน 3 ที่หลบหนีไปได้ ออกมาขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ว่าสิ่งที่ถูกตำรวจกล่าวหาไม่เป็นเรื่องจริง เป็นหนังคนละม้วนกับที่เล่ามาก่อนหน้านี้

โดย นายสมพงค์ ปิ่นแก้ว อายุ 40 ปี อาชีพเผาถ่านขาย ผู้ที่ถูกตำรวจกล่าวหาว่าเป็นโจร เล่าให้ฟังว่า มีอาชีพเผาถ่านขาย ประกอบอาชีพนี้มาเกือบ 30 ปีแล้ว วันเกิดเหตุเมื่อวานนี้ตอนเวลาประมาณ 11.00 น. ตนได้ขับรถกระบะตอนเดียวออกไปตระเวนเก็บต้นไม้ที่ตายแล้ว กับพี่ชายที่ชื่อ อำพล ตันเจริญ อายุ 50 ปี (ผู้ตาย) เพื่อนำมาเผาทำถ่านขาย ระหว่างทางบริเวณบ้านหนองเหียง ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ตนได้จอดรถลงไปปัสสาวะกับพี่ชาย จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ตนจึงวิ่งขึ้นรถ แล้วตะโกนบอกให้พี่ขึ้นรถ แต่พี่ชายขึ้นรถไม่ทัน ถูกยิงเสียชีวิตคาที่ตรงนั้น หลังตนวิ่งขึ้นรถมาได้ ยังคงมีเสียงปืนดังไม่หยุด ลูกกระสุนปืนทะลุเข้ามาในรถหลายนัด ตนเองจึงสตาร์ตรถเร่งเครื่องหนีกลับมาบ้าน ทิ้งให้พี่ชายนอนเสียชีวิตอยู่ตรงนั้น  

พอมาถึงบ้านตอนเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง แล้วตนได้เข้าไปหลบในป่าก่อน เพราะไม่รู้ว่าคนที่ยิงตนกับพี่ชายเป็นใคร ต่อมาแม่ได้ให้พี่สาวและญาติไปที่เกิดเหตุ พอญาติไปถึงที่เกิดเหตุพบพี่ชายนอนเสียชีวิตอยู่ มีตำรวจยืนอยู่หลายนาย ตำรวจได้กั้นพื้นที่ห้ามคนอื่นเข้าพื้นไปดู ญาติ ๆ จึงขึ้นรถกลับมาตั้งหลักที่บ้านก่อน

จากนั้นตอน 13.00 น. ตำรวจได้บุกมาที่บ้าน จับคนที่บ้านไปโรงพัก 6 คน พาไปสอบปากคำที่โรงพัก โดยตำรวจได้มุ่งเป้ามาที่ตน ให้ญาติทุกคนบอกที่ซ่อนตัวของตน ตำรวจได้บอกกับญาติ ๆ มาว่า ตนกับพี่ชายไปขโมยสายไฟ และยิงต่อสู้กับตำรวจ

ตนยืนยันว่า ตนไม่ได้ไปขโมยของที่ไหนเลย ตอนเกิดเหตุตนนอนอยู่กับภรรยาที่บ้าน ญาติพี่น้องตนเป็นพยานได้ ส่วนเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่ายิงสู้ตำรวจ ตนยืนยันว่า ในชีวิตตนไม่เคยยิงปืนสักครั้ง ตนเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา มีอาชีพเผาถ่านขาย หาเช้ากินค่ำ จะเอาเงินไหนไปซื้ออาวุธปืน ต่อจากนี้ตนจะเดินหน้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจที่ยิงพี่ชายตนจนเสียชีวิต

ทางด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ปักใจเชื่อใคร ตอนนี้ได้พา นายสมพงค์ ไปตรวจเขม่าดินปืนที่นิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม รวมถึงขอคุ้มครองพยานด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ อาจเกิดอันตรายได้ หากเรื่องนี้เป็นไปตามที่ นายสมพงค์ กล่าวอ้าง ถือว่าตำรวจทำผิดอย่างร้ายแรง มีโทษสูง เบื้องต้นจากการตรวจสอบ ตนมองว่าไม่สมเหตุสมผล ที่ตำรวจวิสามัญพี่ชายนายสมพงค์ เนื่องจากไม่มีโจรที่ไหนจะย้อนกลับไปเอาของที่ขโมยมาตอนกลางวันแสก ๆ แล้วยิ่งเมื่อคืนเพิ่งมีเหตุยิงปะทะกับตำรวจด้วย อีกทั้งตรงที่บริเวณที่ถูกวิสามัญคนร้าย อยู่ห่างจากโรงงานมาก จะเห็นว่า นายสมพงค์ กับพี่ชาย ไปเอาของที่ขโมยมาอย่างที่ตำรวจกล่าวอ้าง คนที่ถูกวิสามัญก็สติไม่สมประกอบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง