ภูมิธรรม ลั่นข้าว 10 ปี คุณภาพดี ขออย่าดรามาซาว 15 น้ำ ผู้เชี่ยวชาญเตือนเชื้อราเพียบ

View icon 46
วันที่ 9 พ.ค. 2567 | 06.24 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - เรื่องซาวข้าวเก่า 10 ปี 15 น้ำ เป็นดรามาใหญ่ไม่แพ้เรื่อง โน้ส อุดม ล่าสุด "ภูมิธรรม เวชยชัย" บอกสื่อ อย่าสนใจรายละเอียดซาวกี่ครั้งก็เอาให้สะอาด ข้าวเน่าหรือไม่ อยู่ที่เก็บรักษา อย่าจินตนาการชี้นำความจริง มั่นใจว่าขายได้ และไม่สนใจถูกมองฟอกขาวให้โครงการรับจำนำข้าว

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกระแสดรามาซาวข้าวเก่า 10 ปี จากโครงการรับจำนำข้าวถึง 15 น้ำ ว่าอย่าไปสนใจรายละเอียดแบบนี้เลย เพราะข้าวแต่ละถุงมีความแตกต่างกัน มีฝุ่นมากฝุ่นน้อย จะซาวกี่ครั้งก็ซาวเถอะ ซาวให้สะอาด ซึ่งวันนั้นเราซาวกันแค่ 5 ครั้ง ส่วนใครจะซาว 10 หรือ 15 ครั้ง ก็ขึ้นอยู่กับความในใจของตัวเอง นี่ไม่ใช่ประเด็น อย่าเบี่ยงประเด็นไปอย่างอื่น

รองนายกรัฐมนตรี ยังบอกว่า สิ่งที่ตนทำวันนี้ เพราะเป็นผู้ดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้าว ซึ่งมีเจ้าของโกดังทำเรื่องมาขอร้องว่าจะเอาอย่างไรก็เอาสักที ข้าวอยู่ตรงนี้มา 10 ปีแล้ว และโกดังถูกปิดตายด้วยกุญแจ จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปตลอดชีวิตหรือ หรือจะมาตรวจและจัดการ จะเป็นข้าวเน่า ข้าวดี ก็ไปจัดการให้มันจบ ปิดเรื่องนี้ไปเลย ตนจึงไปตรวจดูและชิมข้าวแล้ว และมาบอกได้ว่าข้าวไม่เน่า ฉะนั้นเจตนาจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องฟอกข้าวให้โครงการรับจำนำข้าวอย่างที่ไปพูดกัน

ส่วนที่มีคนออกมาบอกว่าข้าวเก็บไว้แค่ 1-2 ปี ก็เน่าแล้วนั้น ยืนยันว่าข้าวเน่าหรือไม่เน่า อยู่ที่การเก็บรักษา ทุกอย่างทำโปร่งใส ดังนั้นไม่อยากให้นำจินตนาการมาชี้นำความจริง วันนี้เราเอาความจริงมาพูดและแก้ปัญหา

ซึ่งก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรม โดนกระแสสังคม รวมถึง นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามแถมข้อเสนอว่า ถ้าข้าวยังกินได้จริง ทำไมไม่หุงไปให้ ครม. กินทุกวันอังคารที่มีประชุม ซึ่งนายภูมิธรรมก็บอกว่า พาสื่อไปกิน เอาผู้มีอำนาจในจังหวัด รวมถึงหลายคนมาพิสูจน์ว่ากินได้ ถ้ายังไม่พอก็จะเอามาให้ ครม.กินอีก หากมั่นใจว่าเอามาพิสูจน์แล้วจะหยุดพูดทั้งหมด ก็จะนำมาหุงให้ ครม.ทาน ไม่อยากมีประเด็นใหม่

แต่คำตอบนี้ ดูเหมือน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่พอใจ ยังออกมาสับต่อเนื่องว่า ขอให้นายภูมิธรรมทำจริง เอาข้าวมาจากโกดังให้สื่อมวลชน ให้คนกลางมาร่วมดูด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เอาข้าวที่อื่นมาหุงให้รัฐมนตรีกิน พร้อมกับบอกอีกว่า คนเป็นถึงรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คิดได้แค่นี้อย่าเป็นดีกว่า ไม่มีสมองคิดปกป้องประชาชนในเรื่องสุขอนามัย ให้ทุกคนท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองว่า ข้าวดี กินได้ กินโชว์ ยังไม่มีใครพูดถึงมาตรฐานการตรวจข้าวเลย

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ว่า เรื่องนี้ไม่มีใครใช้จินตนาการ เพราะทุกคนเห็นภาพที่ออกมาก็เป็นห่วงประชาชน หากมีการเอาข้าวเก่าที่บริโภคไม่ได้ ไปขายเข้าสู่ตลาดก็เสียหายทั้งตลาดข้าว ประชาชนเริ่มกังขาร้านข้าวแกงทั่วไป เริ่มไม่มั่นใจว่าจะเป็นข้าวที่มาจากโกดังที่เก็บเกิน 10 ปีหรือไม่ ฉะนั้นเสนอให้ตรวจคุณภาพข้าวอย่างมีมาตรฐาน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ส่งหนังสือถึงนายกฯ ขอให้เชิญ สตง. เข้าไปตรวจสอบเอกสารบัญชี และร่วมตรวจสต็อกข้าวทุกกระสอบ เพื่อให้แน่ใจว่า ข้าวในสต็อกคงเหลือ ณ ปัจจุบัน ขององค์การคลังสินค้า ก่อนที่รัฐบาลจะนำไปเปิดประมูลขาย เป็นข้าวในสต็อกที่ถูกต้องตรงกันกับบัญชีสินค้าคงเหลือหรือไม่ เพราะถ้าข้าวที่เก็บมา 10 ปี ยังดีอยู่จริง อาจหมายความว่า ข้อมูลข้าวสารที่เป็นสินค้าคงเหลือในงบการเงินขององค์การคลังสินค้า ที่ผ่านมาร่วม 10 ปี อาจจะเชื่อถือไม่ได้ ใช่หรือไม่

ขณะที่สังคมและฝ่ายค้านกังขาว่าข้าวเก่า 10 ปี รับประทานได้จริงหรือไม่ เมื่อวานนี้ ก็มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าวและโภชนะศาสตร์สัตว์ คือ รศ.พันทิพา พงษ์เพียจันทร์ อาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกมาโพสต์ว่า การเอาข้าวเก่าค้าง 10 ปี มาหุงรับประทานโชว์กัน ได้รับสารพิษจากเชื้อราไปแล้วไม่น้อย ใครที่ไปร่วมชิมก็รับเคราะห์ไปด้วย โดยให้ความรู้ว่า ปกติธัญพืชต่าง ๆ รวมถึงข้าว เก็บได้อย่างมาก 1 ปี หากจะเก็บไว้นานกว่านี้ต้องเก็บในสภาพเย็นแบบแห้ง ทำให้แมลงไม่ฟักออกเป็นตัว แต่เท่าที่เห็นกระสอบป่านที่เก็บข้าววางซ้อนกันสูงมาก อากาศไม่ถ่ายเท ความชื้นในเมล็ดข้าวสูง ส่งเสริมการเจริญเติบโตของมอดแมลงต่าง ๆ และรมยาไม่ทั่วถึง มูลของมดแมลงเหล่านี้นำมาซึ่งการเจริญของเชื้อรา และแบคทีเรีย ทำให้เน่า ได้รับสารพิษโดยไม่รู้ตัว ข้าวจำนวนไม่น้อยมีสีน้ำตาลตรงปลายเมล็ด นั่นคือเม็ดข้าวที่ขึ้นรา อย่างน้อยต้องตรวจพบสารพิษอะฟลา 1 ตัว หุงน้ำเดือด 100°C ไม่สามารถทำลายพิษจากเชื้อราได้

พร้อมแนะนำว่า อย่าขายให้คนหรือสัตว์นำไปบริโภค ได้ไม่คุ้มเสีย มีคนป่วยเป็นโรคมะเร็งมากขึ้น กรณีนำไปเลี้ยงสัตว์ ได้เนื้อนมไข่ที่มีเชื้อราตกค้างในอาหาร การนำไปขายให้แอฟริกา ชื่อเสียงข้าวเน่าเสียของไทยจะกระจายไปทั่วโลก และขอแนะนำให้นำข้าวเหล่านี้ ไปผลิตเป็นแอลกอฮอล์ หรือน้ำส้มสายชู จะดีกว่า