สมศักดิ์แจงฟังความเห็นกัญชาทั้งจากกลุ่มหนุนและกลุ่มต้าน แต่ไม่นัดมาพร้อมกันเลี่ยงปะทะคารม สั่งโฆษก สธ.ชี้แจงข้อมูลต้นทุนค่ารักษาพยาบาลพุ่งจาก 2 พันล้าน เป็น 3 หมื่นล้าน เผยดึงกลับเป็นยาเสพติดควบคุมง่ายกว่า ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ไม่ผ่านสภาฯ ชี้ถึงความขัดแย้ง
วันนี้ (4 มิ.ย.67) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดว่า การบอกว่าเป็นยาเสพติด หรือไม่เป็นยาเสพติด เป็นเรื่องที่ต้องอธิบายความกัน ซึ่งการทำให้เป็นยาเสพติด ก็ต้องมีการเขียนคำอธิบาย ในกฎกระทรวงฯ ว่า อะไรที่สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่ได้ทำให้เป็นยาเสพติด โดยทำเป็นกฎหมาย ก็ต้องเขียนในกฎหมายพืชกัญชาว่า อะไรที่ทำไม่ได้ จะแตกต่างกันตรงนี้ แต่สิ่งที่รัฐบาลปรารถนาคือดำเนินการเพื่อการแพทย์ เศรษฐกิจ และสุขภาพ 3 ประเด็นนี้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อรัฐสภา
ส่วนจะดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดหรือไม่ หรือออกเป็นพระราชบัญญัติ นายสมศักดิ์กล่าวว่า หากออกเป็น พ.ร.บ.เข้าสภาฯ จะไม่ใช่เรื่องของยาเสพติด แต่จะเป็นเรื่องของพืช เช่น พืชกระท่อม ไม่ได้เป็นยาเสพติด ซึ่งก็ต้องมาเขียนในรายละเอียดว่าอะไรที่ไม่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับพืชกัญชา หากไม่เขียนเรื่องไหนก็ถือว่าทำได้หมด จึงเกรงว่ากัญชาจะถูกนำไปทำในกิจกรรมสันทนาการ เพราะหากเขียนเรื่องสันทนาการไว้ในกฎหมาย ก็เกรงว่าจะเขียนไม่ครบ เพราะมีกฎหมายยาเสพติดเขียนห้ามไว้หมดอยู่แล้ว
ส่วนกรณีพรรคภูมิใจไทย ระบุว่ากระทรวงสาธารณสุขฟังความคิดเห็นไม่ครบถ้วน นายสมศักดิ์ ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะได้เชิญทั้งกลุ่มที่สนับสนุนและคัดค้านมาให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน แต่ไม่ได้มาพร้อมกัน ให้มากันคนละช่วงวันเวลา เพราะไม่อยากให้ปะทะคารมกัน พร้อมยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ขัดแย้งกัน โดยขณะนี้มีตัวเลขและสถิติมากมาย เกี่ยวกับผลกระทบของกัญชาเรื่องไอคิว ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา อาทิ จากสถาบันการศึกษา แพทย์ และฝั่งประเทศตะวันตก ซึ่งหลังจากนี้จะให้โฆษกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกัญชาชี้แจง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยติดใจเรื่องตัวเลขค่าใช้จ่ายที่อ้างว่า ค่ารักษาผู้ป่วยจากกัญชาเพิ่มขึ้นจาก 3 พันล้านบาท เป็น 2 หมื่นล้านบาท นายสมศักดิ์ยืนยันว่ามีข้อมูลยืนยันชัดเจน และเป็นข้อมูลจากสถาบันทางราชการ โดยมหาวิทยาลัยได้วิเคราะห์ไว้
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีกัญชาจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หากการปลดกัญชา ออกจากยาเสพติดเป็นเรื่องง่ายก็คงผ่านสภาฯ ไปแล้ว แต่กลับกันยังไม่ผ่านสภาฯ ตั้งแต่การพิจารณารอบที่แล้วก็แสดงว่ามีความเห็นที่ขัดแย้งกัน จึงต้องขอยืนยันว่าหากนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ก็ต้องมีกฎหมายรอง หรือกฎกระทรวง ที่ออกมาระบุว่า สามารถทำอะไรได้บ้าง ซึ่งไม่ต้องถึงขั้นออกกฎหมายในสภาฯ
ส่วนเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เลยหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ ระบุว่า ขอให้เรื่องการครองครองจำนวนเม็ดยาบ้าจบก่อน หากเรื่องนี้จะจบในสัปดาห์นี้ และวันนี้ (4 มิ.ย.67) คือวันสุดท้ายที่จะรับฟังความเห็น ซึ่งหากผลออกมาในทิศทางบวกว่า เห็นด้วย กับการลดปริมาณจำนวนเม็ดยาเสพติด หรือลดจำนวนปริมาณสารเสพติดลงมา ก็จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า
