บิ๊กป้อม มีสะดุ้ง หลัง ทักษิณ ซัดคนบ้านอยู่ในป่า ก่อความวุ่นวาย

บิ๊กป้อม มีสะดุ้ง หลัง ทักษิณ ซัดคนบ้านอยู่ในป่า ก่อความวุ่นวาย

View icon 179
วันที่ 8 มิ.ย. 2567 | 19.37 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“บิ๊กป้อม” มีสะดุ้ง หลัง “ทักษิณ” ซัดคนบ้านอยู่ในป่า ก่อความวุ่นวาย เผยสาเหตุขอเลื่อนฟังคำสั่งคดี อสส. เพราะหวั่น จนท. ติดเชื้อโควิด-19  ลั่น 18 มิ.ย.นี้ไปแน่ มองคดีไม่มีมูลอะไร เป็นการกลั่นแกล้งจากคณะปฎิวัติ ชี้จินตนาการเยอะไป หลังกล่าวหาหนีออกนอกประเทศ

8 มิถุนายน 2567 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงอาการป่วยโควิด-19 หลังมอบหมายให้ทนายความส่งหนังสือถึงอัยการแจ้งขอเลื่อนการฟังคำสั่งคดี สั่งฟ้องมาตรา 112 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมว่า อาการไม่ได้หนัก แต่กลัวเชื้อโควิด-19 ไปติดผู้อื่น จึงตัดสินใจให้ทนายความรีบแจ้งไปที่อัยการสูงสุด

ส่วนกำหนดการนัดพบอัยการสูงสุดอีกครั้งวันที่ 18 มิถุนายนนี้ นายทักษิณ ระบุว่า หากนัดมาก็ไป แต่เมื่อครั้งที่แล้วตนมีอาการป่วย จึงไม่ได้ไป ซึ่งวันที่ 18 มิถุนายนนี้ก็ไม่ได้มีเหตุอะไร ยืนยันว่าเดินทางไปด้วยตัวเอง พร้อมกับบอกว่าคดีนี้ไม่ได้มีอะไร ซึ่งมองว่าคดีนี้ จะเป็นตัวอย่างให้ประชาชนเห็นว่า การปฏิวัติรัฐประหาร และการยัดข้อหาเป็นอย่างไร ซึ่งยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีมูลเลยแม้แต่นิดเดียว โดยพยายามไปตีความเพื่อให้มีมูล ทั้งๆ ไม่ได้ใช้หลักกฏหมายอะไร

ส่วนจะกังวลเรื่องการประกันตัวหรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันว่าไม่มีอะไรหรอก เพราะคดีแทบไม่มีมูล พร้อมบอกว่า คดีนี้เป็นผลไม้ ที่เกิดจากต้นไม้ที่เป็นพิษ ซึ่งการทำคดีก็มีการข่มขู่พนักงานสอบสวน โดยผู้บังคับบัญชา ซึ่งเรื่องนี้ก็หลุดออกมาจากไลน์กลุ่มเต็มไปหมด

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า สาเหตุที่นายทักษิณไม่ได้เดินทางไปรับฟังคดีกับอัยการสูงสุด เป็นเพราะดีลไม่ได้นั้น นายทักษิณ ยืนยันว่า ไม่มีดีล และไม่ได้ดีลกับใคร มีเพียงดีลกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่หากจะมีคนวุ่นวายก็คงเป็นบุคคลที่มีบ้านอยู่ในป่า ซึ่งไม่เกี่ยวกับตน แต่เกี่ยวกับรัฐบาล

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เป็นการส่งสัญญาณอะไรถึงคนบ้านในป่าหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ”ไม่รู้อยู่ ๆ ก็พูดขึ้นมางั้น“ พร้อมกับถามผู้สื่อข่าวว่า “แล้วมีใครบ้างที่มีบ้านอยู่ในป่า”

ทั้งนี้ตนอยากเห็นประเทศชาติบ้านเมือง เดินหน้า เพราะบ้านเมืองเละมานานแล้ว ระบบราชการก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ อยากให้ทุกฝ่ายยึดกติกา และมองการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งหากใครอยากจะเป็นก็ต้องมีกติกา ส่วนที่มีคนมองว่านายทักษิณ ได้หนีออกนอกประเทศไปแล้ว หลังไม่ไปพบอัยการสูงสุด นายทักษิณ กล่าวว่า ตนคิดว่าจินตนาการเยอะไป มากล่าวหาว่า นางสาวแพทองธาร พาตนเองออกจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งหากตนจะออกประเทศ ก็คงจะไปเที่ยว

ส่วนกรณีของนายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาคำร้องเรื่องคุณสมบัติ กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้ต้องดูตั้งแต่เริ่มต้นว่า 40 สว.ที่ยื่นเรื่อง เป็นบุคคลของใคร และเคลื่อนไหวเพื่ออะไร อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการต่อสู้ในศาลรัฐธรรมนูญ จะไม่ได้ส่งปัญหาอะไรกับรัฐบาล เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถชี้แจงได้ ซึ่งกฎหมายจะต้องดูในหลักการว่า หากมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ จึงจะต้องถูกลงโทษ แต่การมีเจตนาที่บริสุทธิ์ โดยหลักกฏหมายแล้วคิดว่าไม่น่ามีปัญหา

นอกจากนี้นายทักษิณ กล่าวถึงการมาร่วมงานบวช บุตรชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ นายกฯ เบี้ยวว่า ตนมาทำหน้าที่ เพราะว่านาค เป็นน้องชายของ สส. ซึ่งเจ้าภาพก็ได้เชิญนางสาวแพทองธาร ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค และก็ได้มาเชิญตนด้วย

โดยนายทักษิณ ได้กล่าวกับผู้มาร่วมงานหลายพันคน โดยเฉพาะคนเสื้อแดงที่มารอต้อนรับ ตอนหนึ่งดังนี้

"ผมกลับมาแล้วนะ พี่น้องชาวเสื้อแดง ก็ต้องกลับมาอยู่ด้วยกันนะ ผมซาบซึ้งครับ เมื่อกี้เดินผ่านไป หลายคนก็กอดผมร้องไห้ นึกไม่ถึงว่าผมจะกลับมา บางทีผมก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าผมจะได้กลับมา" 

นายทักษิณ กล่าวว่า ชีวิตที่เหลือคือกำไรของชีวิต ดังนั้นจะทำประโยชน์เพื่อตอบแทนประชาชน ผู้มีพระคุณ ที่ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งไหนก็ไม่เคยลืมกัน และ ทำประโยชน์ให้สถาบันมากที่สุด ไปอยู่เมืองนอก 17 ปี โดนยัดข้อหาทุกอย่าง โดนทุกรูปแบบ ถ้าไม่มีธรรมะของพระพุทธเจ้า ก็คงตรอมใจ หรือไม่ก็ฆ่าตัวตาย ในชีวิตของคนหนึ่งคนไม่มีใครโดนมากเท่าผม และ ล่าสุดยังมีควันหลงแต่ก็สบายมาก

นายทักษิณ ฝากถึงนาคว่าให้สนใจ หลักธรรมคำสอนไม่ต้องไปสนใจ "มู" ทั้งหลาย เพราะไอน์สไตน์เคยบอกว่า ศาสนาที่มีหลักวิทยาศาสตร์จะยืนยง ซึ่งศาสนาที่มีวิทยาศาสตร์มากที่สุด คือศาสนาพุทธ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง