หมาตัดหน้ารถจักรยานยนต์ สุดท้ายตายทั้งคนทั้งหมา

หมาตัดหน้ารถจักรยานยนต์ สุดท้ายตายทั้งคนทั้งหมา

View icon 138
วันที่ 24 ก.ค. 2567 | 07.27 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หนุ่มวัย 40 ปี ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านกลางดึก ผ่านถนนที่ไม่ค่อยมีไฟส่องสว่าง สุดท้ายมีหมาตัดหน้ารถทำให้รถเฉี่ยวชนเข้ากับหมา เสียชีวิตทั้งคนทั้งหมา นอกจากนี้ยังพบว่าหมามีปลอกคอ คาดมีเจ้าของ

วันนี้ (24 ก.ค. 67) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนสุนัขภายในซอยพุทธบูชา 39 แยกย่อย ซอยที่ 7 ถนนพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร มีผู้เสียชีวิต 1 คน จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และอาสากู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ณ ที่เกิดเหตุพบว่าถนนภายในซอยดังกล่าวเป็นลักษณะถนนสองเลนสวนกันได้ ข้างทางเป็นร่องสวนมะพร้าว ส่วนอีกด้านหนึ่งติดกับบ้านเรือนประชาชน และบนถนนไม่มีไฟส่องแสงสว่าง จึงทำจุดดังกล่าวค่อนข้างมืดมาก จากการตรวจสอบพบ นายนพพร อายุ 40 ปี นอนหงายหน้าอยู่บนพื้นถนน บริเวณใบหน้าและศีรษะมีเลือดออาบ ไม่มีสัญญาณชีพ ทางอาสากู้ภัยจึงทำการCPR แต่ก็ไม่สำเร็จ ไม่สามารถช่วยชีวิตนายนพพรได้

จากการตรวจสอบร่างของ นายนพพร พบว่า มีบาดแผลขนาดใหญ่ที่ศีรษะและบริเวณใบหน้ามีแผลแตกที่คิ้วด้านขวา มีบาดแผลถลอกหลายแห่งทั่วร่างกาย ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ล้มตะแคงคว่ำอยู่บนพื้นถนนในสภาพชุดสีถลอกทั้งคันกระจกมองข้างด้านซ้ายหัก และในคลองร่องสวนมะพร้าวพบศพสุนัขเพศผู้ สีขาวลายน้ำตาล อายุประมาณ 1 ปี ตายอยู่ภายในคลอง ทางอาสากู้ภัยจึงช่วยกันเก็บกู้ศพขึ้นมาจากร่องน้ำ และก็พบว่าสุนัขมีปลอกคอ จึงคาดว่ามีเจ้าของ

ทาง นางสาว จามวลี อายุ 35 ปี ภรรยาผู้ตาย เล่าว่า สามีทำงานเป็นช่างก่อสร้าง คืนนี้น่าจะไปนั่งอยู่ที่ร้านหน้าตลาดและคาดว่ากำลังจะกลับบ้าน ขณะขี่รถผ่านทางนี้อาจจะมีหมาวิ่งตัดหน้ารถ จนเป็นเหตุทำให้สามีของตนขับไปชนสุนัขแล้วเสียหลักล้ม ทำให้สามีของตนเสียชีวิต โดยปกติสามีจะใช้เส้นทางนี้ประจำทุกคืน แต่ไม่เคยเห็นว่ามีหมาออกมาวิ่งในตอนกลางคืน นอกจากนี้ได้ฝากถึงเจ้าของหมาว่า ถ้าคิดจะเลี้ยงก็อย่าปล่อยให้หมาออกมาเพ่นพ่านทำชาวบ้านเดือดร้อน และอยากให้เจ้าของหมาออกมารับผิดชอบ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช มอบหมายให้อาสากู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจสอบที่นิติเวชอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง แล้วจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง