มั่นใจหลักฐานหลังบุกจับอัยการเรียกรับเงินล้มคดี

มั่นใจหลักฐานหลังบุกจับอัยการเรียกรับเงินล้มคดี

View icon 102
วันที่ 1 ส.ค. 2567 | 15.30 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“บิ๊กเต่า” ไม่หนักใจ จับอัยการคนแรกของประเทศ เรียกรับเงินช่วยคดี เชื่อเป็นความผิดส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับองค์กร และมีพยานหลักฐานชัดเจน ไม่กระทบคดีอื่น ๆ ที่ดูแลอยู่

วันนี้ ( 1 ส.ค.67 ) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงคดีที่มีการจับกุม นายชาตินรินทร์ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวานนี้ โดยระบุว่าคดีนี้เริ่มจากผู้เสียหายมาร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) ว่าถูกอัยการคนดังกล่าวเรียกรับทรัพย์สิน ช่วยเหลือเรื่องคดี ป.ป.ช.จึงขอให้ ปปป.ทำคดีนี้ โดยใช้เวลาวางแผนและรวบรวมพยานหลักฐาน 2 สัปดาห์ ก่อนขอศาลอนุมัติหมายจับ ยืนยันว่าดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง หรือทำนอกเหนือพยานหลักฐาน

สำหรับการเข้าไปจับกุมอัยการคนดังกล่าว ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือดี ไม่ได้ขัดขืน จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเงินที่ได้รับจากผู้เสียหาย จำนวน 250,000 บาท เป็นเงินจากการใช้หนี้ ขณะนี้ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวไปแล้วโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 400,000 บาท ส่วนการดำเนินคดีตอนนี้ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างพิจารณาว่า จะรับไว้ดำเนินการเองหรือส่งกลับมาให้ตำรวจดำเนินการสั่งฟ้อง

พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ยอมรับว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยจับกุมอัยการที่กระทำความผิด ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ส่วนจะมีผู้เสียหายคนอื่น ๆ อีกหรือไม่ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงาน

ทั้งนี้มีรายงานว่า มูลเหตุของคดีนี้ มาจากผู้เสียหายได้รับจำนองที่ดินมาจากคู่กรณีรายหนึ่ง ซึ่งได้มีการทำสัญญากู้ยืมกันไว้ โดยลูกหนี้ใช้โฉนดที่ดินในการค้ำประกัน ต่อมาทั้ง 2 ฝ่ายมีปัญหากัน ฝั่งลูกหนี้จึงไปแจ้งความว่าผู้เสียหายขโมยโฉนดที่ดินไปจนเรื่องถึงชั้นอัยการ จากนั้นผู้เสียหายได้รับการติตต่อจากอัยการคนดังกล่าว เนื่องจากว่าลูกของผู้เสียหาย และลูกของอัยการเรียนโรงเรียนเดียวกัน จึงเสนอตัวช่วยเหลือเรื่องคดี โดยเรียกเงินจากผู้เสียหาย 2 แสนบาท ผู้เสียหายจึงรับปากและนำเรื่องข้อร้องเรียนกับ ป.ป.ช. และเกิดการวางแผนรวบรวมพยานหลักฐานตั้งแต่การจ่ายเงินครั้งแรก 5 หมื่นบาท และมีการนัดหมายจะจ่ายเงินที่เหลือที่สำนักงานของอัยการคนดังกล่าว

จากการตรวจสอบของชุดทำงาน พบว่า อัยการคนดังกล่าว ดำรงตำแหน่งเดิมเป็นเวลานานจนผิดปกติ ทั้งที่เพื่อนในรุ่นเดียวกันได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และไปประจำที่จังหวัดอื่น แต่ผู้ต้องหายังคงอยู่ที่เดิม จึงเตรียมตรวจสอบย้อนหลังไปยังคดีต่าง ๆ ที่เคยสั่งฟ้องและสั่งไม่ฟ้อง ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป้าหมายที่อัยการเข้าไปเรียกรับเงินเคลียร์คดี น่าจะมีคนคอยชงเลือกคดีต่าง ๆ มาให้ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง