เช้านี้ที่หมอชิต - จังหวัดขอนแก่น มีเหตุชาย อายุ 32 ปี ขี่รถจักรยานยนต์พุ่งเข้าไปในร้านหมูย่างเกาหลี ต่อมาพ่อแม่วัยรุ่นชี้แจงกับเจ้าของร้าน ลูกชายป่วยจิตเวช
วงจรปิดบันทึกภาพ ขณะชายอายุ 32 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ พุ่งเข้ามาในร้านหมู่ย่างเกาหลี เหมือนตั้งใจมาป่วนร้าน จังหวะนั้นทางเจ้าของร้านจึงชักปืนขู่ ทำให้ชายคนดังกล่าวออกจากร้านไป เหตุเกิดวันที่ 2 กันยายน 2567 ตำบลศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
เหตุการณ์นี้ทาง นายปริวัตร์ จงภักดี อายุ 34 ปี เจ้าของร้านหมูย่างเกาหลี คาดว่า ชายคนดังกล่าวอาจเป็นกลุ่มเด็กแว้น ที่ต้องการเข้าก่อกวนที่ร้าน ต่อมาทางพ่อแม่ และเพื่อนของชายคนดังกล่าว เข้ามาชี้แจงกับทางเจ้าของร้านหมูย่างเกาหลี เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์
พ่อแม่ บอกว่า ลูกชายของตนเป็นผู้ป่วยจิตเวช และไม่ใช่กลุ่มเด้กแว้นที่เคยมาก่อกวนร้านก่อนหน้านี้อย่างที่เจ้าของร้านเข้าใจ แล้วรถจักรยานยนต์ที่ลูกชายขี่ ก็เป็นรถเดิม ๆ ไม่มีการแต่งท่อให้เสียดัง
ด้านเพื่อนของชายคนดัวงกล่าว บอกว่า วันเกิดเหตุ ตนกับเพื่อน 2 คน รวมคนก่อเหตุด้วย มานั่งกินที่ร้านดังกล่าว ก่อนเช็กบิลประมาณ 19.00 น. 750 บาท แต่ตนจ่ายไป 800 บาท แล้วพากันขี่รถออกจากร้านทันที ลืมเงินทอนไว้ที่โต๊ะ จากนั้นประมาณ 23.00 น. นึกขึ้นได้ว่าลืมเงินทอน เพื่อนของตนจึงขี่รถกลับไปเอาเงินทอนที่ร้าน ก่อนจะมาทราบภายหลังว่าเพื่อนอีกคนที่มาด้วยกันเอาเงินทอนไปแล้ว
กระทั่งเห็นจากข่าวเมื่อวานว่า เพื่อนขี่รถเข้าไปในร้าน รู้สึกไม่สบายใจ จึงอยากชี้แจงกับเจ้าของร้าน และเพื่อนก็ป่วยจิตเวชจริง
ขณะที่เจ้าของร้านหมูย่างเกาหลี บอกว่า ที่ร้านถูกกลุ่มคนหลายกลุ่มเข้ามาก่อกวนร้านบ่อยมาก ทั้งกลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มคนทำงาน ไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะอะไร จนลูกค้าไม่กล้าเข้าร้าน
แม้ว่าวันนี้เขาจะมาชี้แจง แต่ตนเองก็คาดว่าน้องเขาอาจจะถูกหลอกใช้ให้เข้ามาดูลาดเลา ตอนนี้มีการปรึกษาทนายความ และอยากให้ตำรวจติดตามตัวกลุ่มคนที่เคยมาก่อกวนร้าน มาดำเนินคดี
ทาง พันตำรวจโท ศุภมินทร์ ล้วนโสม รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น บอกว่า กรณีร้านดังกล่าวถูกคนก่อกวน ภายหลังได้รับแจ้งความวันที่ 20 สิงหาคม 2567 มีการสอบปากคำเจ้าของร้าน และตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดทั้งหมดแล้ว ในเบื้องต้นนั้น ยังไม่พบความผิดที่ชัดเจนว่าจะเข้าข่ายกระกระทำความผิดในเรื่องของการคุกคามแต่อย่างใด
และทางตำรวจเองมีการลงพื้นที่ตรวจตราทุกคืนแต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ จากนี้เพิ่มความถี่ในการตรวจตราให้เข้มงวดขึ้น เพื่อเป็นการป้องปรามเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นได้
