สั่งสอบ ตร.รับงานนอก นำขบวนรถซูเปอร์คาร์

View icon 41
วันที่ 7 ต.ค. 2567 | 16.44 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เพจดังโพสต์คลิปสาวโวยตำรวจขี่รถ นำขบวนซูเปอร์คาร์ ขับขวางจราจรบนมอเตอร์เวย์ M6 ประกบไม่ให้แซง ล่าสุด ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงลงโทษทางวินัย เบื้องต้นพบทำโดยพลการไปรับงานนอกเอง

เพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 7 โพสต์คลิปเหตุการณ์บนถนนมอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา เป็นภาพเหตุการณ์ ขณะตำรวจขี่มอเตอร์ไซค์ปิดขบวนให้กับขบวนรถหรูซูเปอร์คาร์ที่อยู่ข้างหน้า โดยไม่ให้ประชาชนคนอื่น ๆ ขับรถผ่านไปได้

ทำให้เจ้าของคลิปต้องขับรถตาม ในความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่สามารถแซงได้ ทั้งที่เจ้าของคลิปมีธุระต้องไปทำ และรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เป็นการกีดขวางการจราจร โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า "เสียงของประชาชนที่เสียภาษีเหมือนกันขอบ่น รถหรูมีกิจกรรม เหตุอะไร มีประชาสัมพันธ์แจ้งบอกกล่าวไหม ผู้ใช้รถใช้ถนนเดือดร้อน" พร้อมระบุว่า เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2567 หลังจากโพสต์คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด พันตำรวจตรี กล้า สมบัติพิบูลย์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ยืนยันว่า งานนี้เป็นการทำโดยพลการของผู้ใต้บังคับบัญชา ตรวจสอบแล้วพบว่า กลุ่มรถซูเปอร์คาร์ไม่ได้ทำเรื่องขอกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง เบื้องต้น ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งให้ผู้บังคับการตำรวจทางหลวงตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว

โดยเรียกตำรวจทั้ง 2 นาย ซึ่งเป็น "สายตรวจรถจักรยานยนต์" ยศร้อยตำรวจตรี และ จ่าสิบตำรวจ มาสอบถาม ก็ยังรับว่า "ไปรับงานนอก" นำขบวนให้กลุ่มรถซูเปอร์คาร์ เพื่อไปงาน "ถนนคนเดิน เดินเดิ่น โคราช" ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม และงานเทศกาลถือศีลกินเจโคราช 2567 จริง จึงมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.สถานีตำรวจทางหลวง 1 พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อลงโทษทางวินัยต่อไป

นอกจากนี้ ช่วงที่ตำรวจ 2 นาย นำรถจักรยานยนต์ของหลวงไปรับงานนอก ช่วงดังกล่าวบนถนนพระราม 2 มีน้ำท่วมขังเป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งตำรวจนายอื่น ๆ ไปปฏิบัติหน้าที่ แต่ตำรวจ 2 นายนี้ กลับไปรับงานนอก เตรียมถูกดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาดแน่ พร้อมกับฝากขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่เกิดขึ้นด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง