สำหรับโครงสร้างและบทบาทภายใน สชวท. ดำเนินงานโดยคณะกรรมการจำนวน 21 ท่าน ซึ่งประกอบด้วย 12 ท่าน ที่มาจากการเลือกตั้งของสมาชิก โดยอีก 4 ท่าน ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐมนตรี โดยดำรงตำแหน่งสำคัญ ได้แก่ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม, เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน , ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และ ผู้แทนประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกรรมการอีก 4 ท่าน โดยดำรงตำแหน่งตามความรับผิดชอบเฉพาะ โดยคณะกรรมการมีวาระดำรงตำแหน่ง 3 ปี ปัจจุบัน สชวท. มีสมาชิกกว่า 7,729 คน พร้อมภาคีเครือข่ายมากกว่า 50 เครือข่าย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการควบคุมและกำกับมาตรฐานการประกอบวิชาชีพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สชวท. ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการวิชาชีพควบคุมออกใบอนุญาตใน 8 สาขา โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานในแต่ละสาขาดังนี้ 1.สาขานิวเคลียร์ – ศ.ดร.สุพิชชา จันทรโยธา 2.สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการควบคุมมลพิษ – น.ส.ขนิษฐา ทักษิณ 3.สาขาการผลิต การควบคุมและการจัดการสารเคมีอันตราย – ศ.ดร.สุภา หารหนองบัว 4.สาขาการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์และการใช้จุลินทรีย์ก่อให้เกิดโรค – ผศ.ดร.ไตรเทพ วิชย์โกวิทเทน 5.สาขาธรณีวิทยา – ดร.สมหมาย เตชวาล 6.สาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม – รศ.ดร.สุเทพ ศิลปานันทกุล 7.สาขานิติวิทยาศาสตร์ – รศ.ดร.บุษบา ฤกษ์อำนวยโชค และ 8.สาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย – รศ.วิชัย พฤกษ์ธาราธิกูล
นอกจากนี้ สภาฯยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของสมาชิกและบุคคลทั่วไปผ่านการอบรมโดยคณะอนุกรรมการฝึกอบรม ที่มี ดร.กิตติพจน์ เพิ่มพูล เป็นประธาน และการเผยแพร่ข่าวสารด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทันท่วงที ผ่านคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วม ภายใต้การนำของ ดร.กล้า มณีโชติ

ทั้งนี้ ภารกิจเร่งด่วน คือ เตรียมบุคลากรสำหรับมาตรฐานระบบบำบัดน้ำเสีย ด้วยสถานการณ์มลพิษทางน้ำในปี 2566 ที่พบแหล่งปล่อยน้ำเสียจากร้านอาหาร ตลาด อาคารราชการ สำนักงาน อาคารชุด ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน สชวท. จึงมีภารกิจเร่งด่วนในการเตรียมความพร้อมของบุคลากรให้ได้มาตรฐานรองรับการบังคับใช้กฎกระทรวงการปฏิบัติงานเป็นผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียและรับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสีย พ.ศ.2567 โดยคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 67 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 67 ซึ่งมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ค. 68 ขณะนี้มีผู้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ควบคุมมลพิษทางน้ำกับสภาเพียง 52 ราย ทำให้เห็นถึงความจำเป็นในการขยายฐานบุคลากรให้เพียงพอ
ขณะเดียวกัน สชวท. จึงเชิญชวนผู้ที่จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ 1.เป็นสมาชิกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีทางด้านวิทยาศาสตร์ และ 3.มีการศึกษาหลักสูตรเกี่ยวกับการควบคุมมลพิษทางน้ำไม่น้อยกว่า 6 หน่วยกิต เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ควบคุมมลพิษทางน้ำ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการดูแลและควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียตามกฎหมายใหม่ โดยเปิดรับสมัครและสอบใบอนุญาตลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 68 และมีกำหนดสอบในวันที่ 17 พ.ค. 68
ผศ.ดร.บุญส่ง บอกด้วยว่า สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ สชวท. ได้ที่ อาคารพระจอมเกล้า ห้องเลขที่ 327 ชั้น 3, 75/47 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไทย เขตราชเทวี กทม. 10400 โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3010, 3020, 3021 (ฝ่ายนโยบายและแผน), 3022, 3891 (ฝ่ายการเงินและบัญชี) โทรศัพท์เคลื่อนที่ 081 148 6766, 096 798 2441, 095 360 6202 อีเมล: cstp@cstp.or.th , Facebook: facebook.com/cstp.or.th , Youtube: youtube.com/@cstp.official , Tiktok: tiktok.com/@cstp.official , Website: cstp.or.th Line Official: @cstp
ผศ.ดร.บุญส่ง ย้ำด้วยว่า ด้วยบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพและคุ้มครองความปลอดภัยด้านวิทยาศาสตร์ สชวท. จึงมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรและสร้างเครือข่ายเพื่อรองรับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงในยุคของนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง